โลก AI กำลังพลิกโฉมทุกวงการ

กดฟัง
หยุด

โทมัส ฟรีดแมน คอลัมนิสต์ชื่อดังของ New York Times ได้ให้ความเห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์และ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงควรจะนัดพบกันให้ได้เร็วที่สุด (พรุ่งนี้ได้เลยยิ่งดี) เพื่อจะได้คุยกันในเรื่องที่สำคัญที่สุดของมนุษยชาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องการค้า เรื่องไต้หวัน หรือเรื่องกำแพงภาษี แต่เป็นเรื่องความก้าวหน้าที่รวดเร็วของ AI ที่กำลังพลิกโฉมทุกวงการและเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของมนุษยชาติ


เพราะทั้งจีนและสหรัฐฯ ต่างเป็นผู้นำทิ้งห่างทุกคนในด้าน AI และกำลังแข่งกันพลิกโฉมวงการและแข่งกันนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในมิติต่างๆ ทั้งสองค่ายต่างกำลังเข้าใกล้ AGI (Artificial General Intelligence) ซึ่งเป็นระดับของ AI ที่มีความฉลาดเทียบเท่ามนุษย์หรืออาจฉลาดเหนือกว่ามนุษย์ และสามารถเรียนรู้และตัดสินใจด้วยตัวเองได้


เรายังกำลังเห็นการพัฒนาที่น่าทึ่งของหุ่นยนต์เสมือนคน (Humanoid Robot) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา วงการหุ่นยนต์ในประเทศจีนมีความคึกคักมาก ในงานเลี้ยงฉลองตรุษจีนที่ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ทุกช่องของจีน มีการแสดงเต้นระบำโดยหุ่นยนต์ 16 ตัว ของบริษัท Unitree โดยหุ่นยนต์เต้นร่วมกับนักเต้นระบำมืออาชีพของจีนได้อย่างสวยงาม สร้างความตื่นตะลึงให้คนจีนทั่วประเทศ และเป็นคลิปไวรัลไปทั่วโลก


มีรายงานข่าวว่าหุ่นยนต์ 16 ตัวนี้ปกติไม่ได้มาใช้เต้นระบำ แต่ใช้ทำงานในโรงงานประกอบรถยนต์ EV ของบริษัทรถยนต์ EV ของจีนต่างหาก ส่วนบริษัท Unitree ซึ่งเป็นผู้ออกแบบและผลิตหุ่นยนต์ก็ได้รับเชิญไปร่วมประชุมนักธุรกิจชั้นนำกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง และกลายมาเป็นบริษัทเทคโนโลยีดาวรุ่งพุ่งแรงบริษัทใหม่ของเมืองจีน


สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังไม่จบลง บัดนี้ได้กลายเป็นสมรภูมิสงครามใหญ่ครั้งแรกที่รบกันด้วยโดรนหุ่นยนต์สี่ล้อที่ไม่ต้องใช้คนบังคับ สามารถยิงโจมตีหรือปล่อยระเบิดโจมตีเป้าหมายด้วยตัวเองได้ สงครามในปัจจุบันเริ่มกลายมาเป็นการรบกันระหว่างหุ่นยนต์ ไม่ใช่ระหว่างคนอีกต่อไปแล้ว


ในสหรัฐอเมริกาเอง ที่ออสตินและแอตแลนตา บริษัท Uber ได้เริ่มทดลองให้บริการรถยนต์ไร้คนขับ (Self-driving car) เริ่มทดแทนคนขับที่เป็นมนุษย์ได้สำเร็จเรียบร้อย พิสูจน์แล้วว่ารถยนต์ไร้คนขับไม่ใช่เพียงความฝันอีกต่อไป ที่จีนเอง ก็มีหลายเมืองที่ได้นำร่องทดลองใช้รถยนต์ไร้คนขับวิ่งบนถนนแล้วเช่นเดียวกัน


Kevin Roose ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชื่อดังของสหรัฐฯ ได้ประเมินว่า ด้วยสปีดการพัฒนาในปัจจุบัน AGI (Artificial General Intelligence) หรือการที่ AI จะมีระดับความฉลาดเท่าหรือเหนือมนุษย์ อาจเกิดขึ้นได้ภายในปีหน้าหรือปีถัดไป (ค.ศ. 2026-2027) หรือแม้กระทั่งสิ้นปีนี้ (ค.ศ. 2025) ก็ยังเป็นไปได้ หลายคนเห็นตรงกันว่าภายในสมัยรัฐบาล 4 ปี ของทรัมป์ เราจะได้เห็นการก้าวกระโดดของวงการ AI ไปสู่ AGI ได้สำเร็จอย่างแน่นอน


เมื่อถึงจุดนั้น AI จะฉลาดถึงระดับที่สามารถเป็นคนเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์แทนคนได้ทั้งหมด นี่แหละครับเรากำลังถึงจุดที่แม้แต่คนเรียนสาขาท็อปฮิตอย่างวิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์ก็อาจถึงคราวตกงานได้ เมื่อ AI สามารถเขียนโปรแกรมแทนคนได้ทั้งหมดแล้ว


ในคำกล่าวเปิดงาน China Development Forum เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายกฯ หลี่เฉียงของจีนได้กล่าวย้ำความสำเร็จของ Deepseek ซึ่งเป็น AI สายพันธุ์จีน สะท้อนถึงพลังความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมของประชาชาติจีน และยังกล่าวว่าปี ค.ศ. 2025 จะเป็นปีแห่งการผลิตหุ่นยนต์เสมือนคน (Humanoid Robot) ในสเกลมหึมาในประเทศจีน


หุ่นยนต์เสมือนคน (Humanoid Robot) กำลังจะกลายเป็นของใหม่อย่างที่สี่ ต่อจากรถยนต์ EV โซล่าเซลล์ และลิเทียมไอออนแบตเตอรี่ ซึ่งจีนจะเป็นผู้นำในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกในเรื่องเหล่านี้ ใช่ครับ เรากำลังเข้ายุคที่จีนจะเป็นผู้ส่งออกหุ่นยนต์อัจฉริยะรายใหญ่ที่สุดของโลก


โทมัส ฟรีดแมน จึงแนะนำว่า ท่ามกลางเสียงและกระแสข่าวมากมายที่ดึงดูดความสนใจของเราในโลกปัจจุบัน จริงๆ แล้วเรื่องที่สำคัญที่สุดและจะมีผลใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจและอนาคตของมนุษยชาติมากที่สุดคือการพัฒนา AI อย่างก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปี ต่อจากนี้


ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่สองชาติมหาอำนาจด้าน AI อย่างจีนและสหรัฐฯ ต้องจริงจังกับการพูดคุยเรื่องการทำสแตนดาร์ด กฎเกณฑ์ และแนวทางการควบคุมและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ร่วมกัน หากทั้งสองยักษ์สามารถพูดคุยกรอบกฎเกณฑ์ร่วมกันได้ ก็อาจไม่ต้องมาออกแรงตั้งกำแพงภาษีไปจนถึงกีดกันทางเทคโนโลยีต่อกันอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เพราะสหรัฐฯ อาจรู้สึกว่าจีนเป็นภัยคุกคามน้อยลงต่างจากที่กังวลอยู่ในปัจจุบัน


AI และหุ่นยนต์เสมือนคน (Humanoid Robot) มีศักยภาพมหาศาลที่จะพลิกโฉมประสิทธิภาพในการทำงานและเพิ่มผลิตภาพแรงงานแบบก้าวกระโดด โลกในอนาคตอาจมีลักษณะเป็น K Shape อย่างชัดเจนคือเป็นโลกทวิภพ นั่นคือประเทศและธุรกิจที่เข้าถึงและเกาะทันเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ก็จะเป็นขาขึ้น ส่วนประเทศและธุรกิจที่ตามไม่ทันและเข้าไม่ถึงเทคโนโลยีก็จะกลายเป็นขาลง เมื่อโลกธุรกิจและเศรษฐกิจเก่ากำลังถูกแทนที่ด้วยเศรษฐกิจใหม่


สองประเทศที่เป็นผู้นำเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์เสมือนคน (Humanoid Robot) ก็คือจีนและสหรัฐฯ และเหตุผลที่เทคโนโลยีด้านนี้พัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดภายในเวลาอันสั้นก็เพราะเงินทุนและทรัพยากรมนุษย์มหาศาลที่ทั้งสองฝั่งทุ่มสุดตัวเพื่อขึ้นครองความเป็นผู้นำ เพราะความเชื่ออย่างลึกซึ้งว่าผู้ครองเทคโนโลยีนี้ย่อมจะเป็นผู้ครองเศรษฐกิจการเมืองโลกในอนาคตอย่างแน่นอน


คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTHผศ.ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร

Back to top