ท่ามกลางความกังวลต่อความเสี่ยง Recession ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสถานการณ์สงครามการค้าที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน บทความนี้จะนำข้อมูลจาก Know the Markets เกี่ยวกับตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ดัชนีชี้วัด Recession และสงครามการค้า เพื่อติดตามว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีค

ทิศทางลงทุนสหรัฐฯ หลังประกาศ Tariff

ท่ามกลางความกังวลต่อความเสี่ยง Recession ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสถานการณ์สงครามการค้าที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน บทความนี้จะนำข้อมูลจาก Know the Markets เกี่ยวกับตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ดัชนีชี้วัด Recession และสงครามการค้า เพื่อติดตามว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีค

กดฟัง
หยุด
  • ท่ามกลางความกังวลต่อความเสี่ยง Recession ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสถานการณ์สงครามการค้าที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน บทความนี้จะนำข้อมูลจาก Know the Markets เกี่ยวกับตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ดัชนีชี้วัด Recession และสงครามการค้า เพื่อติดตามว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะ Recession หรือไม่?
  • จากทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญและดัชนีชี้วัด Recession ของ NBER เผยให้เห็นภาพชัดเจนว่าภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่เข้าสู่ภาวะ Recession แต่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามการค้าสูง ทำให้ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

Know the Markets จับทิศเศรษฐกิจโลก ส่องทุกตลาดเงินตลาดทุน ครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ K Asset ร่วมกับ J.P. Morgan Asset Management นำเสนอทั้งผลิตภัณฑ์กองทุนรวมและมุมมองการลงทุนเชิงลึกให้นักลงทุนไทย โดยมีการออกเอกสารมุมมองการลงทุน Know the Markets ประจำไตรมาส 2 ของปี 2025 เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความกังวลต่อความเสี่ยง Recession ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสถานการณ์สงครามการค้าที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน


บทความนี้ จึงขอพานักลงทุนไปติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านเอกสารมุมมองการลงทุน Know the Markets ฉบับล่าสุดกันหน่อย


  1. ภาคบริโภคภายในและทิศทางภาคธุรกิจ
  2. ช่วงที่ผ่านมาดัชนี Consumer Sentiment (กราฟซ้าย, เส้นสีเขียว) ปรับตัวลดลง ส่งผลให้นักลงทุนต่างแสดงความกังวลว่าความตึงเครียดจากสงครามการค้าจะกดดันให้การบริโภคภายในของสหรัฐฯ ลดลงและกระทบต่อการเติบโตในภาพรวม


    ซึ่งเมื่อ plot กราฟดังกล่าวคู่กับส่วนกลับของกราฟ Inflation Expectations over next year (ความคาดหวังอัตราเงินเฟ้อในปีหน้า) (กราฟซ้าย, เส้นสีฟ้า) พบความสัมพันธ์ที่อาจบ่งชี้ว่าความมั่นใจผู้บริโภคที่ลดลงเป็นผลจากความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า (ผลจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ จึงลดการใช้จ่ายลง


    อย่างไรก็ตาม มาดูกันที่ภาคธุรกิจซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่แพ้กัน พบว่ามีสัญญาณความแข็งแกร่งกว่าฝั่งผู้บริโภคอย่างชัดเจน โดยทั้งดัชนี CEO Confidence (ความมั่นใจของผู้บริหารต่อกิจการ) และ NFIB Small Business Optimism (มุมมองของธุรกิจขนาดเล็ก) (กราฟขวา) ต่างปรับตัวขึ้นสวนทาง


    จากกราฟดังกล่าวจะเห็นว่า ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงทรงตัว ไม่ถึงขนาดแย่เหมือนกับที่เห็นในพาดหัวข่าว มีภาคธุรกิจหนุนการเติบโต แม้ภาคบริโภคยังคงมีความไม่แน่นอน


  3. ดัชนีชี้วัด Recession

  4. รูปนี้แสดงดัชนีที่เป็นส่วนประกอบการชี้วัด Recession ของ National Bureau of Economic Research (NBER) ซึ่งเป็นหน่วยงานโดยจุดสี่เหลี่ยมแทนจุดชี้วัด 6 เดือนก่อนหน้า และจุดข้าวหลามตัดแทนจุดชี้วัด ณ ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 31 มี.ค. 2025) ซึ่งมี 2 จาก 6 ดัชนีชี้วัดที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริโภคภายใน คือ Real Consumer Spending และ Real Wholesale and Retail Sales (กราฟแท่งที่ 4 และ 5 ตามลำดับ) และอีก 2 ดัชนีมีความเสี่ยงปานกลาง คือ Real Personal Income less Transfer และ Nonfarm Payroll Employment (2 แท่งทางซ้าย) แล้วก็ยังมี 2 ดัชนีที่ยังมีความเสี่ยงต่ำ คือ Household Survey Employment และ Industrial Production (กราฟแท่งที่ 3 และ 6 ตามลำดับ)


    ซึ่งแม้การตัดสินใจประกาศภาวะ Recession จาก NBER มักเกิดขึ้นช้ากว่าการเกิด Recession ขึ้นจริงๆ แต่การดูทิศทางการเปลี่ยนแปลงของดัชนีชี้วัดนี้จะช่วยให้วิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจากภาพเราพบว่ามีถึง 4 จาก 6 ดัชนีที่มีทิศทางที่ดีขึ้นกว่า 6 เดือนก่อนหน้านี้


    จากข้อมูลทั้งสถานะในปัจจุบันและทิศทางการเปลี่ยนแปลงชี้ว่าสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่เข้าใกล้ภาวะ Recession เพียงแต่ต้องจับตาภาคบริโภคภายในในช่วงเวลาต่อจากนี้


  5. ภาษีสินค้านำเข้าและการค้าของสหรัฐฯ

  6. นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้า โดยช่วงต้นเดือน เม.ย. ได้มีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้า Reciprocal Tariffs กับทุกประเทศด้วยอัตราที่สูงกว่าคาดการณ์ สร้างความตึงเครียดไปทั่วโลก ซึ่งล่าสุดได้มีระงับการขึ้นภาษีดังกล่าวกับทุกประเทศเป็นเวลา 90 วัน พร้อมประกาศให้ทุกประเทศเข้าเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เชื่อว่านักลงทุนต่างกำลังคาดการณ์ว่าประธานาธิบดีทรัมป์กำลังใช้ข้อมูลรูปแบบใดประกอบการเจรจา


    ซึ่งคาดกันว่าจะเป็นตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต่อประเทศนั้นๆ และการปกป้องอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ ประกอบด้วย Semiconductors, Pharma, Auto & auto parts และ Steel & aluminum


    ดังนั้นในช่วงเวลาต่อจากนี้แม้การเจรจาจะมีความไม่แน่นอนสูงและยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่คาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่การลดการขาดดุลการค้าและการดึงฐานการผลิตของอุตสาหกรรมสำคัญทั้ง 4 อุตสาหกรรม กลับสู่สหรัฐฯ


    จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจมากนักที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเริ่มเดินเรื่องขึ้นภาษีสินค้านำเข้ากับเม็กซิโก แคนาดา และขึ้นภาษีสินค้านำเข้ากับอุตสาหกรรม Auto & auto parts ทันทีหลังเข้ารับตำแหน่ง


สรุป: เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่เข้าสู่ภาวะ Recession แต่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นชัดเจน

จากทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญและดัชนีชี้วัด Recession ของ NBER เผยให้เห็นภาพชัดเจนว่าภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่เข้าสู่ภาวะ Recession โดยทั้งภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมยังคงแข็งแกร่ง มีเพียงการบริโภคภายในที่ชะลอลงเนื่องจากความกังวลด้านเงินเฟ้อ


ส่วนสงครามการค้ายังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงเวลาต่อจากนี้ และจะเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทั่วโลก


ด้วยสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง แต่มีความไม่แน่นอนเช่นนี้ อาจเน้นการลงทุนไปยังกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจภายในประเทศ มีอำนาจต่อรองด้านราคาสูง เพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากสงครามการค้า


สำหรับมุมมองการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขเศรษฐกิจและการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งจัดทำโดย K WEALTH สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก “บทความที่เกี่ยวข้อง”