มั่นใจได้อย่างไรว่าหลังเกษียณแล้วจะมีเงินพอใช้ บทความนี้มีแนวทางในการสร้างบำนาญไว้ใช้ยามเกษียณมาแนะนำ

เกษียณแล้วเงินจะพอหรือไม่? เคล็ดลับสร้างบำนาญส่วนตัวที่คุณควบคุมได้

มั่นใจได้อย่างไรว่าหลังเกษียณแล้วจะมีเงินพอใช้ บทความนี้มีแนวทางในการสร้างบำนาญไว้ใช้ยามเกษียณมาแนะนำ

กดฟัง
หยุด
  • เงินบำนาญจากประกันสังคมอาจไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้นและเราอายุยืนมากขึ้น การสร้างบำนาญส่วนตัวจึงเป็นทางเลือกสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีเงินใช้อย่างสบายในยามเกษียณ
  • K WEALTH แนะนำให้วางแผนเกษียณอย่างรอบด้าน ผ่านเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย ทั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน RMF ไปจนถึงประกันบำนาญ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่
  • ประกันบำนาญลดหย่อนได้ จ่ายสั้นปรับได้ 90/5 เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยการจ่ายเบี้ยเพียง 5 ปี แต่รับเงินบำนาญยาวถึงอายุ 90 ปี พร้อมความยืดหยุ่นในการเลือกวิธีรับเงินและปรับเปลี่ยนอายุเริ่มรับบำนาญได้ตามความต้องการ

จากข่าวที่กองทุนประกันสังคมของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญในเรื่องความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว เนื่องจากอัตราการเกิดของประชากรที่ลดลงและสัดส่วนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เงินบำนาญจากประกันสังคมอาจไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณ ทำให้ต้องหาแหล่งเงินออมเพื่อการเกษียณเพิ่มเติม บทความนี้มีแนวทางในการสร้างบำนาญไว้ใช้ยามเกษียณมาแนะนำ


ผลกระทบจากสังคมผู้สูงอายุต่อระบบบำนาญประกันสังคม

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2583 ไทยจะมีประชากรผู้สูงอายุมากถึง 20 ล้านคน หรือคิดเป็น 30% ของประชากรทั้งหมด สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของกองทุนประกันสังคม เนื่องจาก

  1. จำนวนผู้รับบำนาญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  2. ระยะเวลาการรับบำนาญยาวนานขึ้นตามอายุขัยเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น
  3. สัดส่วนผู้จ่ายเงินสมทบต่อผู้รับบำนาญมีแนวโน้มลดลง

ความเพียงพอของเงินบำนาญจากประกันสังคมต่อการดำรงชีพหลังเกษียณ

ประเด็นที่น่ากังวลอีกประการหนึ่งคือ ความเพียงพอของเงินบำนาญประกันสังคมต่อการดำรงชีพหลังเกษียณ โดยปัจจุบันพบว่า

  • ผู้ประกันตนส่วนใหญ่จะได้รับเงินบำนาญประมาณ 20-50% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย จากฐานเงินเดือนสูงสุด 15,000 บาท จะได้รับบำนาญประมาณ 3,000-7,500 บาทต่อเดือน
  • ค่าครองชีพในปัจจุบันและอนาคตมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ

จะเห็นว่าเงินบำนาญจากประกันสังคมอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพหลังเกษียณ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีแหล่งรายได้เสริมอื่นๆ หรือไม่มีการวางแผนเกษียณเพิ่มเติม


เครื่องมือวางแผนเกษียณที่ควรพิจารณา

เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินหลังเกษียณ การพึ่งพาเงินบำนาญจากประกันสังคมเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ K WEALTH ขอแนะนำเครื่องมือวางแผนเกษียณที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม เพื่อสร้างแหล่งเงินทุนและบำนาญส่วนตัวที่มั่นคงและยั่งยืน


กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD): เครื่องมือเกษียณสำหรับพนักงานบริษัท

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นสวัสดิการที่หลายองค์กรจัดให้กับพนักงาน โดยพนักงานและนายจ้างจะจ่ายเงินเข้ากองทุนเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งมีข้อดีดังนี้

  • พนักงานสามารถออมเงินอย่างสม่ำเสมอผ่านการหักเงินเดือน ทำให้มีวินัยในการออม
  • ได้รับเงินสมทบจากนายจ้าง ซึ่งเป็นเสมือนผลตอบแทนที่ได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากเงินเดือน
  • เงินสะสมส่วนของพนักงานสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของค่าจ้าง และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ไม่เกิน 500,000 บาท
  • มีทางเลือกนโยบายการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) : ทางเลือกลงทุนเพื่อเกษียณพร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นเครื่องมือการลงทุนระยะยาวที่ออกแบบมาเพื่อการเกษียณโดยเฉพาะ ซึ่งมีข้อดีดังนี้

  • นำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ไม่เกิน 500,000 บาท
  • มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงความเสี่ยงสูง เลือกได้ตามความเหมาะสมกับอายุและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • สร้างวินัยการออมระยะยาวเนื่องจากต้องลงทุนต่อเนื่องและถือหน่วยลงทุนจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ โดยลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

ประกันบำนาญ: ทางเลือกที่ให้ความคุ้มครองและรายได้ต่อเนื่องหลังเกษียณ

ประกันบำนาญเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการวางแผนเกษียณที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและรายได้ประจำหลังเกษียณ โดยมีข้อดีดังนี้

  • มีรายได้แน่นอนสม่ำเสมอหลังเกษียณตามระยะเวลาที่กำหนดในกรมธรรม์
  • ไม่มีความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุน
  • ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยสามารถนำเบี้ยประกันบำนาญมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี (แต่เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ใช้สิทธิได้ไม่เกิน 500,000 บาท)

ประกันบำนาญจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความมั่นใจว่าคุณจะมีรายได้ประจำไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร


ประกันบำนาญลดหย่อนได้ จ่ายสั้นปรับได้ 90/5: ทางเลือกวางแผนเกษียณที่ยืดหยุ่น

ทำความเข้าใจประกันบำนาญลดหย่อนได้ จ่ายสั้นปรับได้ 90/5

ประกันบำนาญลดหย่อนได้ จ่ายสั้นปรับได้ 90/5 เป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญที่มีความยืดหยุ่นสูง ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การวางแผนเกษียณโดยเฉพาะ โดยมีลักษณะเด่นและประโยชน์ ดังนี้

  • จ่ายเบี้ยประกันเพียง 5 ปี แต่รับเงินบำนาญยาวนาน และสม่ำเสมอตั้งแต่อายุเริ่มรับผลประโยชน์จนถึงอายุ 90 ปี
  • เลือกอายุเริ่มรับบำนาญที่ 55, 60 หรือ 65 ปีได้ และสามารถปรับเปลี่ยนระหว่างทางตามสถานการณ์เพิ่มความยืดหยุ่นในช่วงชีวิต ไม่ว่าจะเกษียณก่อนกำหนด เกษียณในช่วงอายุปกติ หรือขยายอายุเกษียณโดยทำงานต่อไปอีกระยะหนึ่ง
  • เลือกรับบำนาญเป็นรายปี หรือทยอยรับรายเดือนได้ ทำให้สามารถบริหารจัดการเงินและค่าใช้จ่ายได้ง่ายกว่า
  • สามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีเงินได้

ประกันบำนาญลดหย่อนได้ จ่ายสั้นปรับได้ 90/5 ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวให้คุณมั่นใจว่าจะมีรายได้ประจำสม่ำเสมอไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณ แม้ว่าคุณอาจจะมีอายุยืนยาวเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้


การวางแผนเกษียณให้มั่นคงควรเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้และอาศัยเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเงินบำนาญจากประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน RMF และประกันบำนาญ ซึ่งแต่ละเครื่องมือมีจุดเด่นและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่แตกต่างกัน


K WEALTH แนะนำให้เริ่มวางแผนเกษียณตั้งแต่เริ่มทำงาน เพื่อใช้ประโยชน์จากการทบต้นของผลตอบแทนและมีเวลาปรับแผนหากมีปัจจัยที่ทำให้ไม่เป็นไปตามคาดการณ์ การมีพอร์ตเกษียณที่สมดุลผ่านการผสมผสานระหว่างการลงทุนที่มีความเสี่ยง ผลตอบแทนไม่แน่นอน และประกันบำนาญที่ให้รายได้แน่นอน จะช่วยสร้างความมั่นใจว่าคุณจะมีเงินเพียงพอสำหรับใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีคุณภาพ แม้อายุจะยืนยาวเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เมืองไทยประกันชีวิต


คำเตือน

ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้งทั้งนี้สิทธิในการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีเงื่อนไขเป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรที่กำหนดไว้ การขอเอาประกันภัย เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกสัญญาประกันภัย อาจจะมีผลกระทบกับจำนวนค่าเบี้ยประกันภัยที่สามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top