ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวด์แรง หลังจากที่ทรัมป์ประกาศหยุดการเก็บภาษีสินค้านำเข้ากับประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่เป็นเวลา 90 วัน

ประเด็นร้อน: ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น หลังทรัมป์หยุดขึ้นภาษีเป็นเวลา 90 วัน

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวด์แรง หลังจากที่ทรัมป์ประกาศหยุดการเก็บภาษีสินค้านำเข้ากับประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่เป็นเวลา 90 วัน

กดฟัง
หยุด
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดบวกแรง หลังจากทรัมป์ประกาศหยุดเก็บภาษีนำเข้ากับประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่เป็นเวลา 90 วัน แต่ขึ้นภาษีกับจีนเพิ่มถึง 125% หลังทางจีนตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 87%
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่รีบาวด์ขึ้นมาอาจเป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากมีการตอบโต้ไปมาระหว่างสหรัฐฯ กับจีนสะท้อนว่ายังมีความตึงเครียดทางการค้า จึงแนะนำให้พิจารณาชะลอการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ

Market Update

วันที่ 9 เม.ย. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวด์แรง หลังจากที่ทรัมป์ประกาศหยุดการเก็บภาษีสินค้านำเข้ากับประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่เป็นเวลา 90 วัน โดยจะกลับไปใช้ระดับภาษีนำเข้าสินค้าที่ 10% แต่ขึ้นภาษีกับจีนต่อไปที่ 125% หลังทางจีนตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 87%

  • หุ้นกลุ่มเทคฯ (+14%) และ Consumer discretionary (+11%) ที่ก่อนหน้านี้ปรับลงไปแรง และเด้งขึ้นมาโดดเด่น นำโดยกลุ่ม Magnificent 7 เช่น NVIDIA +18% Apple +15% Tesla +22%
  • หุ้นกลุ่ม Defensive ที่ก่อนหน้านี้ปรับลงไม่ไปมาก ก็รีบาวด์ขึ้นมาน้อยกว่า เช่น Utilities +3% Consumer staples +4% Healthcare +4%

Related Indices & Funds การเปลี่ยนแปลงเทียบกับวันทำการก่อนหน้า (ข้อมูลตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 9 เมษายน)

  • Dow Jones +7.87%
  • S&P500 +9.52%
  • NASDAQ +12.16%

Market Outlook

ตลาดหุ้นที่รีบาวด์ขึ้นมาอาจเป็นเพียงระยะสั้น แม้ทรัมป์จะหยุดขึ้นภาษี 90 วัน แต่จากการตอบโต้ไปมาระหว่างสหรัฐฯ กับจีนสะท้อนว่ายังมีความตึงเครียดทางการค้า และไม่แน่นอนอย่างมากทั้งในแง่การเจรจาและผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจแต่ละประเทศแตกต่างกัน โดยจากสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าทรัมป์พร้อมประนีประนอมกับประเทศที่เปิดโต๊ะเจรจา และพร้อมจะตอบโต้กับประเทศที่แข็งกร้าว


ยังคงมองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังคงผันผวนขึ้นลงแรงตามข่าวรายวัน นักลงทุนจึงควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และเน้นกลยุทธ์ “wait and see”


ปัจจัยหลักที่ต้องจับตาได้แก่:
  • ทิศทางการขึ้นภาษีการค้า ทิศทางการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างสหรัฐฯ กับหลายประเทศที่มีทั้งความรุนแรงเพิ่มขึ้น และเจรจาลดภาษีนำเข้าสินค้า
  • ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่ลดลงต่อเนื่อง สะท้อนผ่านแรงขายในตลาดทั่วโลกและดัชนีความผันผวน VIX ที่ยังทรงตัวในระดับสูงกว่า 50 จุด
  • การใช้นโยบายการเงินและการคลัง ในภาวะที่ทุกฝ่ายต่างคาดว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า นโยบายการเงินและการคลังจะถูกใช้เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว ซึ่งแต่ละประเทศมีความสามารถด้านนโยบายเหล่านี้ที่แตกต่างกัน
  • ความเสี่ยง stagflation จากต้นทุนการค้าที่เพิ่มขึ้น ขณะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ท่ามกลางธนาคารกลางมีความยากลำบากที่มากขึ้นในการปรับนโยบายการเงินที่ต้องสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตของเศรษฐกิจและระดับอัตราเงินเฟ้อ

K WEALTH จะติดตามพัฒนาการของปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงข่าวความเคลื่อนไหวการเจรจาของแต่ละประเทศเพื่อประกอบการพิจารณาให้คำแนะนำการลงทุน


คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐ
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 10% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 10% แนะนำถือเพื่อรอติดตามความคืบหน้าของสงครามการค้า
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐ
    • แนะนำชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างกองทุนหุ้นสหรัฐ และติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าของสงครามการค้าในช่วงเวลาต่อจากนี้อย่างใกล้ชิด
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-USA-A, K-US500X-A, K-USXNDQ-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6

  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-US500X-A: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
    • K-USA-A, K-USXNDQ-A: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน

  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-US500X-A, K-USXNDQ-A: T+3
    • K-USA-A: T+4
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6


คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

KWEALTH

Back to top