-
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรง โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี หลังสหรัฐฯ ประกาศเข้มงวดมาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยังจีนและประเทศอื่นๆ กดดันให้ดัชนี Nasdaq ร่วง -3.1% ขณะที่หุ้น Nvidia ร่วงมากกว่า -7%
-
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงภายใต้มาตรการควบคุมการส่งออกที่เข้มงวดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยความเสี่ยงด้านการค้าเริ่มขยายวงกว้าง จึงแนะนำให้พิจารณาชะลอการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ
Market Update
วันที่ 16 เม.ย. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรง โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี หลังสหรัฐฯ ประกาศเข้มงวดมาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยังจีนและประเทศอื่นๆ ซึ่งกดดันให้ดัชนี Nasdaq ร่วงลงถึง -3.1% ขณะที่หุ้น Nvidia ร่วงมากกว่า -7%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกเผชิญแรงกดดัน โดย ASML รายงานยอดสั่งซื้อเครื่องจักรผลิตชิปต่ำกว่าคาดจากผลของสงครามการค้า ขณะที่ดัชนี VIX ซึ่งสะท้อนความกลัวของตลาดพุ่งขึ้นกว่า 10%
Related Indices & Funds การเปลี่ยนแปลงเทียบกับวันทำการก่อนหน้า (ข้อมูลวันที่ 17 เมษายน 2568, เวลา 03:20 น.)
- NASDAQ -3.1%
- S&P 500 -2.2%
- DOW JONES -1.7%
- VIX +10%
Market Outlook
ภายใต้มาตรการควบคุมการส่งออกที่เข้มงวดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน ความเสี่ยงด้านการค้าเริ่มขยายวงกว้าง ไม่เฉพาะแค่ชิป AI แต่รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การขนส่งและการบริโภค
ปัจจัยที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่
- ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังประธานเฟดเตือนถึงความท้าทายในการดำเนินนโยบายที่สมดุลระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อและการรองรับเศรษฐกิจ
- การตอบโต้ทางการค้าจากฝั่งจีน ซึ่งเพิ่งแต่งตั้งหัวหน้าคณะเจรจาคนใหม่
- การชะลอตัวของคำสั่งซื้อในภาคเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อซัพพลายเชนโลก
- พฤติกรรมของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่เริ่มเร่งซื้อสินค้าก่อนมาตรการขึ้นภาษีจะมีผล
K WEALTH จะติดตามพัฒนาการของปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงข่าวความเคลื่อนไหวการเจรจาของแต่ละประเทศเพื่อประกอบการพิจารณาให้คำแนะนำการลงทุน
คำแนะนำการลงทุน
- สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ
- หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต โดยนำเงินไปพักในกองทุน K-SFPLUS
- หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำถือเพื่อรอติดตามความคืบหน้าของสงครามการค้า
สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ
- แนะนำชะลอการลงทุนและติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าของสงครามการค้าในช่วงเวลาต่อจากนี้
- เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WealthPLUS Series เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
- แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
- สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS
หมายเหตุ:
-
ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-USA-A, K-US500X-A, K-USXNDQ-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
-
นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง 100% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยงมากกว่า 90% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-USA-A, K-USXNDQ-A: ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่า 75% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED, K-US500X-A: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
-
ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFPLUS: T+1
- K-FIXEDPLUS-A: T+2
- K-US500X-A, K-USXNDQ-A: T+3
- K-USA-A: T+4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED: T+6