ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด โดยเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 7 ในวัฎจักรดอกเบี้ยขาลงรอบนี้

ประเด็นร้อน: ECB ลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด โดยเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 7 ในวัฎจักรดอกเบี้ยขาลงรอบนี้

กดฟัง
หยุด
  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด โดยประเมินว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนยังคงมีความท้าทาย การขยายตัวในอนาคตมีความเสี่ยงที่อาจจะถูกบั่นทอนลงได้จากสงครามการค้าที่รุนแรงมากขึ้น
  • เงินเฟ้อที่ปรับลดลง เศรษฐกิจที่อ่อนแอ และค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้คาดว่า ECB น่าจะลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องในปีนี้ จึงแนะนำให้พิจารณาชะลอการลงทุนในกองทุนหุ้นยุโรปและติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าของสงครามการค้าต่อจากนี้

Market Update

วันที่ 17 เม.ย. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด เพื่อลดความกังวลและฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีการค้าระหว่างประเทศ และความไม่แน่นอนที่ฉุดรั้งการบริโภคและการลงทุน การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 2.25% อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 2.40% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 2.65%


นอกจากนี้ ECB ประเมินว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนยังคงมีความท้าทาย การขยายตัวในอนาคตมีความเสี่ยงที่อาจจะถูกบั่นทอนลงได้จากสงครามการค้าที่รุนแรงมากขึ้น


Related Indices & Funds การเปลี่ยนแปลงเทียบกับวันทำการก่อนหน้า (ข้อมูลวันที่ 18 เมษายน 2568, เวลา 06:20 น.)


  • STOXX600 -0.34%
  • NASDAQ -0.13%
  • S&P 500 +0.13%
  • DOW JONES -1.3%

Market Outlook

เงินเฟ้อที่ปรับลดลง เศรษฐกิจที่อ่อนแอ ค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้คาดว่า ECB น่าจะยังคงตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องได้อีกในปีนี้ โดยการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 7 ในวัฎจักรดอกเบี้ยขาลงรอบนี้


คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นยุโรป
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต โดยนำเงินไปพักในกองทุน K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำถือต่อ จากที่ปีนี้ตลาดหุ้นยุโรปมีโอกาสสร้างผลตอบแทนดีกว่า (Outperform) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นยุโรป
    • แนะนำชะลอการลงทุนและติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าของสงครามการค้าในช่วงเวลาต่อจากนี้
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WealthPLUS Series เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว เพื่อรองรับตลาดที่มีความผันผวนจากประเด็นสงครามการค้าที่อาจรุนแรงขึ้น และมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-EUROPE-A, K-EUX, K-EUSMALL, K-EUSAGE ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6

  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง 100% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยงมากกว่า 90% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-EUROPE-A, K-EUX, K-EUSMALL, K-EUSAGE: ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่า 75% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-EUX: T+3
    • K-EUROPE-A, K- EUSMALL: T+4
    • K-EUSAGE: T+5
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED: T+6



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top