การลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีหลายรูปแบบและช่องทาง ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยคือ NVDR ซึ่งล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่ส่งผลต่อนักลงทุนไทย K WEALTH จึงรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ NVDR เพื่อให้เข้าใจและเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนที่เหมาะสม
ทำความรู้จักกับ NVDR
NVDR หรือ Non-Voting Depository Receipt คือ ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงที่ออกโดยบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยผู้ถือ NVDR จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางการเงินเหมือนการลงทุนในหุ้นทั่วไป ทั้งเงินปันผล สิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน แต่จะไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น
เหตุผลที่ NVDR ถูกนำมาใช้ในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากมีข้อจำกัดในการถือครองหุ้นไทยโดยชาวต่างชาติในบางอุตสาหกรรม เช่น ธนาคาร สื่อสาร และโทรคมนาคม ที่จำกัดให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% NVDR จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นช่องทางให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในหุ้นไทยได้โดยไม่นับรวมเป็นสัดส่วนการถือครองของต่างชาติ
จุดประสงค์หลัก คือ การดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในตลาดหุ้นไทย เพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด และช่วยให้นักลงทุนต่างชาติเข้าถึงหุ้นไทยได้มากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีข้อจำกัดด้านสัดส่วนการถือครองของต่างชาติ
NVDR กับกฎใหม่ปี 2567 – คนไทยซื้อเพิ่มไม่ได้แล้ว
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ปรับเกณฑ์การซื้อขาย NVDR ครั้งสำคัญ โดยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป นักลงทุนไทยจะไม่สามารถซื้อ NVDR เพิ่มได้อีก ยกเว้นเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งศาล และการได้มาทางมรดก ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ดั้งเดิมที่ NVDR ถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนต่างชาติเท่านั้น
ผู้ที่สามารถถือ NVDR ได้หลังกฎใหม่ มีเพียงนักลงทุนต่างชาติเท่านั้น แต่นักลงทุนไทยที่ถือ NVDR อยู่ก่อนวันที่ 1 เมษายน 2567 ยังคงถือต่อไปได้ สามารถทยอยขายออก หรือแปลงเป็นหุ้นสามัญได้
แนวทางสำหรับผู้ที่ถือ NVDR อยู่แล้ว
- ถือต่อไปได้ ไม่จำเป็นต้องขายทันที เพราะกฎใหม่ไม่บังคับให้ต้องขาย และยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางการเงินตามปกติ
-
ทยอยขาย หากต้องการขายสามารถวางแผนทยอยขายได้
-
แปลงเป็นหุ้นสามัญ พิจารณาแปลงเป็นหุ้นสามัญได้
ผลกระทบต่อนักลงทุนรายย่อย อาจทำให้การเข้าถึงหุ้นบางตัวที่มีสัดส่วนการถือครองของต่างชาติเต็มแล้วยากขึ้น แต่ยังมีทางเลือกอื่นในการลงทุน เช่น ลงทุนผ่านกองทุนรวมหรือ ETF ที่ลงทุนในหุ้นดังกล่าว
หุ้น NVDR คืออะไร และทำงานอย่างไร?
กลไกของ NVDR ทำงานโดยบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จะเป็นผู้ถือหุ้นแทนนักลงทุน และออก NVDR ให้กับนักลงทุน เมื่อบริษัทจดทะเบียนประกาศจ่ายเงินปันผล บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จะได้รับเงินปันผลและส่งต่อให้ผู้ถือ NVDR อีกทอดหนึ่ง
การซื้อขาย NVDR ทำได้เหมือนการซื้อขายหุ้นทั่วไป ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ แต่ต้องระบุว่าต้องการซื้อในรูปแบบ NVDR โดยราคาซื้อขายจะอ้างอิงตามราคาหุ้นอ้างอิงในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ความแตกต่างจากการถือหุ้นปกติ คือ ผู้ถือ NVDR จะไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถร่วมตัดสินใจในเรื่องสำคัญของบริษัท เช่น การเลือกกรรมการ หรือการอนุมัติรายการสำคัญต่างๆ ได้
ตัวอย่างหุ้นไทยที่มี NVDR มาก มักเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ เช่น หุ้นในกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มโทรคมนาคม ซึ่งมีข้อจำกัดในการถือครองของชาวต่างชาติ
ข้อดีและข้อเสียของ NVDR
ใครควรสนใจ NVDR?
- นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ NVDR ถูกออกแบบมาให้ โดยเฉพาะเมื่อต้องการลงทุนในหุ้นไทยที่มีข้อจำกัดสัดส่วนการถือครองของต่างชาติ
-
นักลงทุนไทยที่ถือ NVDR อยู่เดิม ควรทำความเข้าใจสิทธิประโยชน์และข้อจำกัดของ NVDR และพิจารณาว่าควรถือต่อ ทยอยขาย หรือแปลงเป็นหุ้นสามัญ
-
นักวิเคราะห์หรือผู้ติดตามพฤติกรรมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย การเคลื่อนไหวของ NVDR สามารถสะท้อนมุมมองการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติได้
ตัวเลือกลงทุนอื่นที่คล้ายกับ NVDR
สำหรับนักลงทุนไทยที่ไม่สามารถซื้อ NVDR เพิ่มได้ หรือกำลังมองหาทางเลือกอื่น มีหลายตัวเลือกในการลงทุนหุ้นไทย
-
กองทุนรวมหุ้นไทย
-
กองทุนเชิงรุก (Active Fund) กองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นอย่างแอคทีฟ มีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีชี้วัด เช่น กองทุน K-EQUITY, K-STAR
- กองทุนเชิงรับ (Passive Fund) กองทุนที่ลงทุนตามดัชนีอ้างอิง เช่น SET50 หรือ SET100 เช่น กองทุน K-SET50
-
กองทุน ETF (Exchange Traded Fund)
- ETF SET50 กองทุนเปิดที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และลงทุนตามดัชนี SET50 เช่น TDEX
- ETF ที่เน้นเงินปันผล กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ เช่น 1DIV
-
กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG/Thai ESGX)
- ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความยั่งยืนตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) และมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม โดยสามารถนำค่าซื้อหน่วยลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท
- ต้องถือไว้อย่างน้อย 5 ปี นับจากวันที่ลงทุนจึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเต็มรูปแบบ
- ตัวอย่างกองทุน เช่น K-TNZ-ThaiESG, K-HDThaiESGX-68
NVDR เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนต่างชาติเข้าถึงหุ้นไทยได้มากขึ้น แม้จะมีข้อจำกัดด้านสัดส่วนการถือครอง แต่สำหรับนักลงทุนไทย กฎใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 ทำให้ไม่สามารถซื้อ NVDR เพิ่มได้อีก
การเข้าใจเครื่องมือทางการเงินอย่าง NVDR และทางเลือกในการลงทุนอื่นๆ จะช่วยให้สามารถบริหารพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-EQUITY, K-STAR, K-SET50, K-TNZ-ThaiESG, K-HDThaiESGX-68: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-HDThaiESGX-68: ป้องกันความเสี่ยงทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
- K-EQUITY, K-STAR, K-SET50, K-TNZ-ThaiESG: ไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SET50, K-TNZ-ThaiESG, K-HDThaiESGX-68: T+2
- K-EQUITY, K-STAR: T+3
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บลจ.กสิกรไทย, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย