ในยุคที่การลงทุนเป็นที่นิยมมากขึ้น หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "Leverage" หรือ "เลเวอเรจ" โดยเฉพาะในโลกของ Forex และการเทรด แต่จริงๆ แล้ว Leverage คืออะไร ทำไมถึงมีคนพูดถึงกันมาก และเหมาะกับนักลงทุนทุกคนหรือไม่ K WEALTH จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจเรื่อง Leverage อย่างถี่ถ้วนและเปรียบเทียบกับทางเลือกการลงทุนอื่นๆ เพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
Leverage คืออะไร? ความหมายและที่มา
คำว่า "Leverage" มาจากคำว่า "Lever" ซึ่งหมายถึง คันโยก ในทางฟิสิกส์ คันโยกใช้เพื่อเพิ่มแรงที่เราออกให้มากขึ้น เช่น ใช้แรงน้อยๆ แต่สามารถยกของหนักได้ ในโลกการเงิน Leverage จึงหมายถึง การใช้เงินกู้หรือทุนที่ยืมมาเพื่อเพิ่มขนาดการลงทุนให้ใหญ่กว่าทุนตัวเองที่มีอยู่
ถ้าอธิบายง่ายๆ สมมติมีเงิน 10,000 บาท แต่อยากลงทุนมูลค่า 100,000 บาท ก็สามารถใช้ Leverage ในอัตราส่วน 1:10 เพื่อให้มีกำลังซื้อเท่ากับ 100,000 บาท โดยใช้เงินของตัวเองเพียง 10,000 บาท เป็นหลักประกัน
Leverage กับโลกการลงทุน
ในโลกการลงทุน Leverage ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในมูลค่าที่สูงกว่าเงินทุนที่ตนเองมีอยู่จริง ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงเพิ่มขึ้นไปด้วยในสัดส่วนเดียวกัน สถาบันการเงินหลายแห่งเปิดให้บริการ Leverage โดยเฉพาะในตลาด Forex, CFD, และการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์
เลเวอเรจในโลก Forex – เสี่ยงจริงไหม?
เลเวอเรจ 1:100 คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์มือใหม่ถึงนิยมใช้
เลเวอเรจ 1:100 หมายความว่า เราสามารถเทรดในมูลค่า 100 เท่าของเงินทุนที่มีอยู่จริง เช่น หากมีเงิน 1,000 ดอลลาร์ สามารถเทรดได้ในมูลค่า 100,000 ดอลลาร์
เทรดเดอร์มือใหม่มักหลงใหลกับ Leverage เพราะเห็นโอกาสทำกำไรได้เร็วและมาก ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อยก็สามารถควบคุมการลงทุนมูลค่าสูงได้ หากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่คาดหวัง กำไรที่ได้จะเป็น 100 เท่าของการลงทุนปกติ แต่สิ่งที่พวกเขามักลืมคือ หากราคาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม การขาดทุนก็จะเป็น 100 เท่าเช่นกัน
เลเวอเรจ Forex คืออาวุธเพิ่มพลังหรือระเบิดเวลา?
คำตอบคือ "ทั้งสองอย่าง" ขึ้นอยู่กับการใช้งาน เลเวอเรจใน Forex สามารถเป็นอาวุธเพิ่มพลังให้กับเทรดเดอร์ที่มีความรู้ ประสบการณ์ และการบริหารความเสี่ยงที่ดี แต่สำหรับมือใหม่ที่ขาดประสบการณ์อาจกลายเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทำลายเงินทุนในพริบตา
ตารางเปรียบเทียบ: Forex + เลเวอเรจ VS กองทุนรวม

ความเสี่ยงจาก Leverage – สิ่งที่มือใหม่ต้องรู้
ความเข้าใจผิดยอดฮิตเกี่ยวกับ Leverage
ความเข้าใจผิดแรกคือ "Leverage ช่วยทำกำไรได้เร็ว" จริงอยู่ที่ Leverage ช่วยเพิ่มผลตอบแทน แต่ก็เพิ่มทั้งโอกาสกำไรและขาดทุนในสัดส่วนเท่ากัน อีกความเข้าใจผิดคือ "ใช้ Leverage สูงๆ ทำกำไรได้มากกว่า" ซึ่งจริงๆ แล้วการใช้ Leverage สูงเกินไปอาจทำให้เงินทุนหมดเร็วกว่าการไม่ใช้ Leverage เลย
ความเข้าใจผิดสุดท้ายที่พบบ่อยคือ "Leverage เหมาะกับทุกคน" ในความเป็นจริง Leverage เหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ เข้าใจความเสี่ยง และมีเงินทุนสำรองเพียงพอเท่านั้น
Leverage Ratio คืออะไร และมีผลต่อกองทุนยังไง
Leverage Ratio คืออัตราส่วนระหว่างเงินกู้กับเงินทุนตัวเอง เช่น 1:50, 1:100, 1:500 เป็นต้น ยิ่งอัตราส่วนสูง ยิ่งมีความเสี่ยงมาก
ในกรณีของกองทุนรวม ผู้จัดการกองทุนบางคนอาจใช้ Leverage เพื่อเพิ่มผลตอบแทนของกองทุน แต่จะใช้ในระดับที่ควบคุมได้และมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด โดยทั่วไปกองทุนรวมในประเทศไทยจะมีข้อจำกัดในการใช้ Leverage เพื่อปกป้องนักลงทุนรายย่อย
สัญญาณว่าคุณอาจ "ไม่พร้อม" ใช้ Leverage
หากคุณมีลักษณะดังต่อไปนี้ แสดงว่าคุณยังไม่พร้อมใช้ Leverage
ไม่เข้าใจกลไกการทำงานของ Leverage อย่างชัดเจน คิดว่าการใช้ Leverage จะทำให้รวยเร็ว ไม่มีแผนบริหารความเสี่ยง ลงทุนด้วยเงินที่ไม่สามารถเสียได้ ไม่มีประสบการณ์ในตลาดการเงิน หรือไม่สามารถควบคุมอารมณ์เมื่อขาดทุนได้
ทางเลือกปลอดภัยกว่า: กองทุนรวมที่ไม่ใช้ Leverage
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดี แต่ไม่อยากเสี่ยงกับ Leverage กองทุนรวมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
Balanced Fund
กองทุนผสมเป็นการลงทุนที่กระจายความเสี่ยง โดยลงทุนทั้งในตราสารหนี้และหุ้น K WEALTH แนะนำกองทุน K-WPBALANCED ที่มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและผลตอบแทนที่สมดุล
Global Thematic Fund
สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการเติบโตในระยะยาว กองทุนกลุ่ม Thematic เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เช่น K-GHEALTH ที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มสุขภาพทั่วโลก หรือ K-HIT-A(A) ที่ลงทุนในธีมเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก
Leverage ไม่ใช่เรื่องอันตรายเสมอไป แต่ต้องรู้ให้ลึกก่อนใช้
เมื่อไหร่ควรใช้ Leverage และเมื่อไหร่ไม่ควรใช้
Leverage ควรใช้เมื่อมีความรู้และประสบการณ์เพียงพอ มีแผนบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน มีเงินทุนสำรองเพียงพอ สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี และเข้าใจว่าอาจขาดทุนเกินเงินลงทุนได้
ไม่ควรใช้ Leverage เมื่อเป็นนักลงทุนมือใหม่ ลงทุนด้วยเงินที่ไม่สามารถสูญเสียได้ ไม่มีแผนบริหารความเสี่ยง คาดหวังผลตอบแทนสูงเกินจริง หรือไม่เข้าใจกลไกการทำงานของ Leverage
กองทุนรวมอาจเหมาะกับคุณมากกว่า
หากคุณยังลังเลเรื่อง Leverage กองทุนรวมอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เพราะมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพดูแล มีการกระจายความเสี่ยง ไม่ต้องเฝ้าติดตามตลาดตลอดเวลา และเหมาะกับนักลงทุนทุกคน
การลงทุนที่ดีไม่ใช่การหาผลตอบแทนสูงที่สุด แต่เป็นการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนที่สอดคล้องกับความสามารถและเป้าหมายของตัวคุณเอง
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-WPBALANCED: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-GHEALTH, K-HIT-A(A): ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-GHEALTH, K-HIT-A(A): ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPBALANCED: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-GHEALTH, K-HIT-A(A): T+4
- K-WPBALANCED: T+6
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บลจ.กสิกรไทย, SET Investnow