เจาะลึก forex คืออะไร วิธีการเทรดเบื้องต้น เข้าใจความเสี่ยง พร้อมเปรียบเทียบกับกองทุนรวมสำหรับผู้เริ่มต้นแบบไม่ต้องเทรดเอง มาดูกันว่าแบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่า

รู้จักเทรด forex พร้อมเปรียบเทียบการลงทุนผ่านกองทุนรวม

เจาะลึก forex คืออะไร วิธีการเทรดเบื้องต้น เข้าใจความเสี่ยง พร้อมเปรียบเทียบกับกองทุนรวมสำหรับผู้เริ่มต้นแบบไม่ต้องเทรดเอง มาดูกันว่าแบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่า

กดฟัง
หยุด
  • Forex เป็นตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง แต่มาพร้อมความเสี่ยงสูงจากการใช้เลเวอเรจและความผันผวนรุนแรง เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ เวลา และเงินทุนส่วนเกินที่เสี่ยงได้
  • กองทุนรวมเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว ด้วยความเสี่ยงที่จัดการได้ การกระจายการลงทุน และมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยดูแล
  • การเลือกรูปแบบการลงทุนควรสอดคล้องกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้ หากต้องการความมั่นคงระยะยาว แนะนำเริ่มต้นด้วยกองทุนรวม ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายเหมาะกับทุกระดับความเสี่ยง

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารทางการเงินแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "เทรด Forex" หรือ "เทรดสกุลเงิน" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจก่อนว่า Forex คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง K WEALTH จึงได้รวบรวมข้อมูลสำคัญมาให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจกัน


Forex ย่อมาจากอะไร และมีความสำคัญอย่างไร?

Forex หรือ Foreign Exchange Market คือ ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดการเงินที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยกว่า 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ความสำคัญของตลาด Forex อยู่ที่การเป็นกลไกสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้การค้าระหว่างประเทศ การลงทุนข้ามชาติ และการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ


ตลาด Forex ทำงานอย่างไร?

ตลาด Forex เป็นตลาดที่ไม่มีศูนย์กลาง (Decentralized Market) หมายความว่า การซื้อขายไม่ได้เกิดขึ้นในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แต่เป็นการซื้อขายผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมโยงธนาคาร สถาบันการเงิน และผู้เทรดทั่วโลกเข้าด้วยกัน ตลาดนี้เปิดซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมงในวันทำการ เริ่มจากเอเชีย-แปซิฟิก ตามด้วยยุโรป และปิดด้วยอเมริกา ทำให้ผู้เทรดสามารถเข้าถึงตลาดได้ตลอดเวลา


คู่สกุลเงิน (Currency Pairs) และประเภทคำสั่ง (Order Types) ที่ควรรู้

ในตลาด Forex การซื้อขายจะเป็นการซื้อขายคู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD, GBP/JPY หรือ USD/THB โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ

  1. Major Pairs (คู่สกุลเงินหลัก) ที่ประกอบด้วยดอลลาร์สหรัฐ เช่น EUR/USD, GBP/USD
  2. Minor Pairs (คู่สกุลเงินรอง) ที่ไม่มีดอลลาร์สหรัฐ
  3. Exotic Pairs (คู่สกุลเงินแปลกใหม่) ที่รวมสกุลเงินของประเทศกำลังพัฒนา

สำหรับประเภทคำสั่งซื้อขายมีหลากหลายรูปแบบ เช่น Market Order คำสั่งซื้อขายในราคาตลาดปัจจุบัน Limit Order คำสั่งซื้อขายที่ราคาที่กำหนด และ Stop Loss Order คำสั่งหยุดขาดทุน ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการความเสี่ยง


ข้อดีและข้อเสียของการเทรด Forex

ข้อดี

ข้อดีแรกของการเทรด Forex คือ สภาพคล่องสูง เนื่องจากเป็นตลาดที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดในโลก ทำให้ผู้เทรดสามารถเข้าและออกจากตำแหน่งได้ง่าย โดยเฉพาะในคู่สกุลเงินหลัก นอกจากนี้ การเข้าถึงตลาดยังง่ายมาก เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตและเงินทุนไม่มาก ก็สามารถเริ่มเทรดได้แล้ว ข้อดีที่โดดเด่นอีกข้อหนึ่งคือ การเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงในวันทำการ ทำให้ผู้ที่มีงานประจำสามารถเทรดได้ในเวลาว่าง


ข้อเสีย

การเทรด Forex มีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากการใช้เลเวอเรจ (Leverage) ที่สูง แม้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนในปริมาณมากได้เช่นกัน นอกจากนี้ การเทรด Forex ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐาน และการติดตามข่าวสารที่อาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงิน ความผันผวนของตลาดที่สูงยังทำให้ผู้เทรดต้องสามารถรับมือกับความเครียดจากการขาดทุนได้


Forex กับกองทุนรวม แบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่า?

เทียบความเสี่ยง: เทรด Forex vs ลงทุนกองทุนรวม

เมื่อเปรียบเทียบความเสี่ยงระหว่างการเทรด Forex กับการลงทุนในกองทุนรวม จะพบว่าการเทรด Forex มีความเสี่ยงสูงกว่ามาก เนื่องจากการใช้เลเวอเรจที่สูง ความผันผวนของราคาที่รุนแรง และความจำเป็นในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กองทุนรวมมีการกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในหลายสินทรัพย์ และมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยดูแล ทำให้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในระดับความเสี่ยงที่รับได้


ความเหมาะสมตามเป้าหมายการเงิน: ระยะสั้น vs ระยะยาว

การเทรด Forex มักเหมาะกับการหาผลตอบแทนในระยะสั้น และต้องการความตื่นเต้นจากการลงทุน แต่ต้องใช้เวลาและความสนใจอย่างมาก ในขณะที่กองทุนรวมเหมาะสำหรับการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว การเตรียมความพร้อมเพื่อเกษียณ หรือการลงทุนเพื่อเป้าหมายทางการเงินที่สำคัญ


คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น: เริ่มที่ไหนดี?

สำหรับผู้เริ่มต้น K WEALTH แนะนำให้เริ่มจากการศึกษาและทำความเข้าใจกลไกของตลาดการเงินก่อน หากสนใจ Forex ให้เริ่มจากการใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนทักษะโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง เมื่อฝึกฝนจนมีความเชี่ยวชาญและความมั่นใจแล้วค่อยเริ่มเทรดจริง


อยากลงทุนแบบไม่ต้องเทรดเอง? ลองสำรวจทางเลือกเหล่านี้

กองทุนเทคโนโลยี (ลงทุนในธีมเทคโนโลยีแบบไม่ต้องจับกราฟ)

สำหรับผู้ที่สนใจการเติบโตของเทคโนโลยี แต่ไม่ต้องการเสียเวลาในการเทรดเอง กองทุนที่ลงทุนในธีมเทคโนโลยีโลกเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยกองทุนเหล่านี้มีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพและจัดการพอร์ตการลงทุนให้


ลงทุนแบบ DCA

การลงทุนแบบ Dollar-Cost Averaging (DCA) เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจับจังหวะตลาด


กองทุนแนะนำจาก K WEALTH

กองทุนตราสารหนี้ แนะนำ
  • K-FIXEDPLUS-A ที่มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะกับการลงทุนในช่วงดอกเบี้ยขาลง
กองทุนผสม แนะนำ
  • K-WPBALANCED ที่มีการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก
กองทุนหุ้น แนะนำ
  • K-INDIA-A(A) ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าอินเดียจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าค่อนข้างต่ำและมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต
  • K-VIETNAM ที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาวจากการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

Forex เหมาะกับใคร และจะเริ่มต้นอย่างไรดี?

ประเมินความพร้อมของตัวเองก่อนเริ่มเทรด

การเทรด Forex เหมาะสำหรับผู้ที่มีความพร้อมทั้งด้านการเงิน ความรู้ และจิตใจ ผู้ที่สนใจควรมีเงินส่วนเกินที่สามารถเสี่ยงได้โดยไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน มีเวลาในการศึกษาและติดตามตลาดอย่างสม่ำเสมอ และมีความอดทนต่อความเครียดจากการขาดทุน


ถ้ายังไม่มั่นใจ ลองใช้บัญชีทดลอง หรือศึกษาเพิ่ม

หากยังไม่มั่นใจในการเทรด Forex ด้วยเงินจริง การใช้บัญชีทดลองเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อฝึกฝนทักษะและทดสอบกลยุทธ์การเทรดโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินทุน นอกจากนี้ ยังควรศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เข้าร่วมหลักสูตรการเทรด หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ


สนใจการเติบโตระยะยาว? เริ่มต้นกับกองทุนรวม

สำหรับผู้ที่มองหาการสร้างความมั่งคั่งระยะยาวแบบมั่นคง การลงทุนในกองทุนรวมอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่กองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ไปจนถึงกองทุนหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูง พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล


การตัดสินใจลงทุนไม่ว่าจะเป็น Forex หรือกองทุนรวม สิ่งสำคัญคือ การศึกษาทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ ประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเลือกวิธีการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของตนเอง K WEALTH พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินด้วยผลิตภัณฑ์และคำแนะนำที่เหมาะสม


หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-FIXEDPLUS-A: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPBALANCED: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-INDIA-A(A), K-VIETNAM: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-INDIA-A(A): ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-VIETNAM: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-INDIA-A(A): T+4
    • K-VIETNAM: T+5
    • K-WPBALANCED: T+6

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บลจ.กสิกรไทย


ผู้เขียน

K WEALTHสุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®

Back to top