Fed มาตามคาด คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25%-4.50%

ประเด็นร้อน: FED คงดอกเบี้ย พร้อมจับตาความเสี่ยงจาก Tariffs

Fed มาตามคาด คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25%-4.50%

กดฟัง
หยุด
  • คณะกรรมการ FOMC มีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25%-4.50% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันประธาน Fed ระบุว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องรีบปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน และขอเฝ้าติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจต่อไป
  • Fed ยังไม่ลดดอกเบี้ย เพราะยังประเมินไม่ชัดเจนระหว่าง "เงินเฟ้อ" กับ "เศรษฐกิจที่เริ่มชะลอ" จากผลกระทบของ Tariffs แม้ตลาดแรงงานยังแกร่ง แต่ความไม่แน่นอนสูงอาจกดดันการลงทุนภาคธุรกิจ แนะนำชะลอลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างกองทุนหุ้นสหรัฐฯ และติดตามท่าที Fed และนโยบายรัฐอย่างใกล้ชิด

Market Update

วันที่ 7 พฤษภาคม 68 คณะกรรมการ FOMC มีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25%-4.50% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน


  • ประธาน Fed “Jerome Powell” ระบุว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องรีบปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน และขอเฝ้าติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจต่อไป
  • Fed ประเมินว่า หากการขึ้นภาษีการค้ายังคงดำเนินต่อไปในระดับสูง จะสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะสั้น และอาจส่งผลต่อ “การชะลอตัวของเศรษฐกิจ” และ “การว่างงานเพิ่มขึ้น” ได้
  • คณะกรรมการ Fed ตระหนักถึงความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ทั้งในด้านเงินเฟ้อและการจ้างงาน พร้อมระบุว่า “ความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจมีมากขึ้น”
  • Powell เน้นย้ำว่า Fed จะไม่ปรับลดดอกเบี้ยแบบ “preemptive” (เชิงป้องกันล่วงหน้า) เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าจะตอบสนองต่อข้อมูลอย่างไรหากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเพียงพอ

Related Indices & Funds (ข้อมูล ณ วันที่ 7 พ.ค. 2568)


  • Dow Jones +0.70%
  • S&P500 +0.43%
  • NASDAQ +0.27%
  • Bond Yield 2 ปี และ 10 ปี เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

Market Outlook

นักลงทุนมองว่าการไม่เร่งขึ้นหรือลดดอกเบี้ยเปิดโอกาสให้ Fed มีความยืดหยุ่นต่อการดำเนินนโยบายในช่วงเศรษฐกิจผันผวนจาก Tariffs


  • Fed กำลังเผชิญแรงกดดัน 2 ด้านคือ "ความเสี่ยงเงินเฟ้อ" และ "เศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว" จากผลกระทบของ Tariffs
  • แม้ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง แต่ความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นอาจกระทบการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจ
  • การที่ Fed ยังไม่ลดดอกเบี้ย สะท้อนว่า “ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน” และต้องการเห็นข้อมูลเพิ่มเติมก่อนจะตัดสินใจ เนื่องจากไม่มีความชัดเจนต่อนโยบายโดยเฉพาะ Tariffs

คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐ
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำถือเพื่อรอติดตามพัฒนาการในระยะสั้น
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐ
    • แนะนำชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างกองทุนหุ้นสหรัฐ และติดตามท่าทีของภาครัฐและ Fed อย่างใกล้ชิด
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-USA-A, K-US500X-A, K-USXNDQ-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-US500X-A: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
    • K-USA-A, K-USXNDQ-A: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-US500X-A, K-USXNDQ-A: T+3
    • K-USA-A: T+4
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6





คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

KWEALTH

Back to top