เกราะป้องกันวิกฤตสำหรับเสาหลักครอบครัว

ในวันที่ชีวิตไม่แน่นอน การเป็นเสาหลักของครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องแบกรับภาระทั้งหมดเพียงลำพัง ทั้งค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าเล่าเรียนของลูก ภาระหนี้สิน และความรับผิดชอบอื่นๆ อีกมากมาย แล้วคุณเคยตั้งคำถามกับตัวเองหรือไม่ว่า หากวันหนึ่งเกิดเหตุไม่คาดฝันกับคุณ ครอบครัวจะอยู่อย่างไร ใครจะเป็นผู้ดูแลพวกเขา และพวกเขาจะมีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ หรือไม่

เมื่อชีวิตพลิกผัน

คุณสมชาย อายุ 47 ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชน และเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่เป็นเสาหลักของครอบครัว โดยดูแลลูกชายวัย 14 ปี และลูกสาววัย 10 ปี หลังจากภรรยาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 3 ปีก่อน เขามีภาระผ่อนบ้านอีก 18 ปี และผ่อนรถอีก 4 ปี

คุณสมชายตระหนักดีว่าตนเองเป็นเสาหลักของครอบครัว จึงได้ปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินและตัดสินใจทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ 99/9 ทุนประกัน 5 ล้านบาท ซึ่งให้ความคุ้มครองชีวิตนานถึงอายุ 99 ปี โดยชำระเบี้ยประกันเพียง 9 ปี ซึ่งเขาเห็นว่าเหมาะกับสถานะทางการเงินของตัวเอง

เพียงแค่ 2 ปีหลังจากทำประกัน คุณสมชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต ในขณะที่กำลังเผชิญกับวิกฤต ประกันชีวิตที่คุณสมชายทำไว้ได้จ่ายผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตจำนวน 5 ล้านบาท ให้กับผู้รับประโยชน์ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว

น้องสาวของคุณสมชายซึ่งช่วยดูแลลูกๆ หลังจากคุณสมชายเสียชีวิต เล่าว่า "ถ้าไม่มีเงินจากประกัน ก็ไม่รู้ว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไร เงินก้อนนั้นไม่เพียงแต่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยให้ลูกๆ ของเขาได้เรียนต่อตามที่เขาได้ตั้งใจไว้”

ทำไมเสาหลักครอบครัวควรมีประกันชีวิต

เสาหลักครอบครัวควรมีประกันชีวิตเนื่องจาก

1. ปลดภาระหนี้สิน

หากคุณเป็นเสาหลักของครอบครัวและมีภาระหนี้สิน เช่น หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรเครดิต เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ครอบครัวของคุณจะต้องแบกรับภาระหนี้สินเหล่านี้ต่อ แต่หากคุณมีประกันชีวิต เงินสินไหมจากประกันชีวิตสามารถนำไปใช้ชำระหนี้สินเหล่านี้ได้ทันที ทำให้ครอบครัวไม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินต่อ



2. รองรับค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต

หากรายได้หลักของครอบครัวมาจากคุณเพียงคนเดียว เมื่อคุณไม่อยู่ ครอบครัวอาจประสบปัญหาทางการเงินในการดำรงชีวิตประจำวัน ประกันชีวิตจะช่วยให้ครอบครัวของคุณมีเงินสำหรับค่าใช้จ่ายประจำวัน และค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ



3. ดูแลค่าการศึกษาของบุตร

การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของบุตร แต่ค่าเล่าเรียนก็มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ประกันชีวิตจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าลูกของคุณจะได้รับการศึกษาที่ดีตามที่คุณตั้งใจไว้ แม้ว่าคุณจะไม่อยู่แล้วก็ตาม



4. วางแผนมรดกอย่างมีประสิทธิภาพ

ประกันชีวิตถือเป็นเครื่องมือในการวางแผนมรดกที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเงินสินไหมจากประกันชีวิตจะถูกจ่ายให้กับผู้รับประโยชน์โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการพินัยกรรมหรือการจัดการมรดก ทำให้ผู้รับประโยชน์ได้รับเงินอย่างรวดเร็ว



5. สร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

ประกันชีวิตไม่เพียงแต่ให้ความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว โดยเฉพาะประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ หรือแบบสะสมทรัพย์ ชนิดมีเงินปันผล ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลหรือเงินคืนตามเงื่อนไขของกรมธรรม์

ประกันชีวิตสำหรับคนที่เป็นเสาหลักครอบครัว

หากคุณเป็นเสาหลักของครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบทั้งหมด การทำประกันชีวิตเพื่อปกป้องคนที่คุณรักจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ประกันชีวิตแบบตลอดชีพออกแบบมาเพื่อให้ความคุ้มครองระยะยาวโดยไม่ต้องชำระเบี้ยประกันตลอดชีวิต เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาระทางการเงินและต้องการสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว

ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ 99/5: คุ้มครองยาว จ่ายเบี้ยสั้น

ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ 99/5 เป็นประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปี แต่ชำระเบี้ยประกันเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนความคุ้มครองในระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชำระเบี้ยประกันเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณหรือมีรายได้ลดลง

คุณสมบัติเด่นของประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ 99/5

• จ่ายเบี้ยประกันเพียง 5 ปี แต่คุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปี
• ให้ความคุ้มครองสูงตั้งแต่วันแรกที่ทำประกัน
• สร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับครอบครัวหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
• วางแผนมรดกได้ตามวัตถุประสงค์ โดยระบุผู้รับประโยชน์ได้ชัดเจน
• สามารถนำค่าเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร

ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ 99/9: ทางเลือกที่ยืดหยุ่นมากขึ้น

สำหรับผู้ที่ต้องการระยะเวลาชำระเบี้ยประกันที่ยาวขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละปี ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ 99/9 เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ โดยมีระยะเวลาชำระเบี้ย 9 ปี แต่ยังคงให้ความคุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปีเช่นเดียวกัน

คุณสมบัติเด่นของประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ 99/9

• จ่ายเบี้ยประกันนาน 9 ปี ทำให้เบี้ยประกันต่อปีต่ำกว่าแบบ 99/5
• ให้ความคุ้มครองชีวิตยาวนานถึงอายุ 99 ปี
• ให้ความคุ้มครองสูงตั้งแต่วันแรกที่ทำประกัน
• สร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับครอบครัวหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
• วางแผนมรดกได้ตามวัตถุประสงค์ โดยระบุผู้รับประโยชน์ได้ชัดเจน
• สามารถนำค่าเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร

เลือกประกันชีวิตอย่างไรให้เหมาะกับคุณ

การเลือกประกันชีวิตที่เหมาะสมกับความต้องการและสถานะทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญ โดยปัจจัยที่ควรพิจารณา ได้แก่

1. ประเมินความต้องการความคุ้มครอง

คุณควรคำนวณว่าครอบครัวของคุณต้องการเงินเท่าไรหากคุณไม่อยู่ โดยคำนึงถึงภาระหนี้สิน ค่าใช้จ่ายประจำวัน ค่าการศึกษาของบุตร และค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ



2. ระยะเวลาความคุ้มครอง

ประกันชีวิตมีทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว คุณควรเลือกระยะเวลาความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ เช่น หากคุณมีภาระหนี้ระยะยาวอย่างหนี้บ้าน ก็ควรเลือกความคุ้มครองระยะยาวให้ครอบคลุมระยะเวลาในการชำระหนี้



3. พิจารณาความสามารถในการชำระเบี้ยประกัน

คุณควรเลือกประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันเหมาะสมกับความสามารถในการชำระของคุณ โดยไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน



4. เงื่อนไขและข้อยกเว้นของกรมธรรม์

คุณควรศึกษาเงื่อนไขและข้อยกเว้นของกรมธรรม์ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจทำประกันชีวิต เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองตามที่ต้องการ

เริ่มต้นสร้างความมั่นคงให้ครอบครัววันนี้

ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในชีวิตได้เสมอ แต่คุณสามารถวางแผนรับมือกับความไม่แน่นอนเหล่านั้นได้ด้วยการทำประกันชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นเสาหลักของครอบครัวหรือคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบทั้งหมด ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตลอดชีพ 99/5 หรือ 99/9 จะช่วยสร้างความมั่นคงและความอุ่นใจให้กับคุณและครอบครัว โดยที่คุณไม่ต้องกังวลว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ครอบครัวของคุณจะลำบาก

การวางแผนล่วงหน้าเป็นการแสดงความรับผิดชอบและความรักที่มีต่อครอบครัว เริ่มต้นสร้างความมั่นคงให้กับคนที่คุณรักวันนี้ เพราะวันพรุ่งนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เมืองไทยประกันชีวิต