ตลาดหุ้นอินเดียมีการตอบรับเชิงบวกหลังจากมีข่าวว่ามีการบรรลุข้อตกลงเรื่องความขัดแย้งกับปากีสถาน

ประเด็นร้อน: อินเดียปากีสถานสงบศึก

ตลาดหุ้นอินเดียมีการตอบรับเชิงบวกหลังจากมีข่าวว่ามีการบรรลุข้อตกลงเรื่องความขัดแย้งกับปากีสถาน

กดฟัง
หยุด
  • ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวบวก หลังมีข่าวการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงบริเวณพรมแดนแคชเมียร์ ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดในภูมิภาค และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
  • เศรษฐกิจอินเดียยังน่าสนใจจากทิศทางการเจรจาการค้าที่ดี การพึ่งพาบริการส่งออกมากกว่าสินค้าช่วยลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ อีกทั้งมีโอกาสลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ K WEALTH ยังคงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นอินเดีย

Market Update

ตลาดหุ้นอินเดียส่งสัญญาณบวกหลังจากที่มีข่าวสำคัญเรื่องการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างสองประเทศเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยข้อตกลงนี้มีเป้าหมายลดความตึงเครียดบริเวณพรมแดนแคชเมียร์ที่เป็นจุดเสี่ยงหลักในภูมิภาค นักลงทุนต่างตอบรับในเชิงบวกทันที โดยประเทศอินเดียรับประโยชน์จากความคาดหวังว่าความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีขึ้นจะเอื้อต่อการค้าขาย การเจรจาการค้า และการลงทุนที่จะเข้ามาในอินเดีย ซึ่งการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้สร้างความเชื่อมั่นใหม่ให้ตลาดโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบสนองต่อเสถียรภาพทางการเมืองอย่างชัดเจน


ในมุมของตลาดโลก ความคลี่คลายทางภูมิรัฐศาสตร์นี้มีผลต่อดัชนีตลาดเกิดใหม่ในภาพรวม และช่วยหนุนให้กระแสเงินทุนไหลกลับเข้าภูมิภาคเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะในภาวะที่นักลงทุนทั่วโลกยังคงมองหาตลาดที่ให้โอกาสเติบโตน่าสนใจท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ


Related Indices & Funds (ข้อมูลวันที่ 12 พฤษภาคม 2025)


  • BSE SENSEX: +3.74% ปิดที่ 82,429.90
  • NIFTY 50: +3.82% ปิดที่ 24,924.70
  • BSE200 +3.85% ปิดที่ 11,200.61

Market Outlook

ตลาดหุ้นอินเดียมีแนวโน้มเป็นบวกหลังการประกาศหยุดยิง ซึ่งช่วยลดความกังวลจากความตึงเครียดชายแดน โดยความสงบที่เกิดขึ้นอาจกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติ สถาบัน และรายย่อยในประเทศลดความกังวลจากความไม่แน่นอนและเริ่มกลับเข้ามาถือครองสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น


นอกจากนี้ยังหันมาสนใจปัจจัยพื้นฐานอีกครั้ง ซึ่งเศรษฐกิจอินเดียมีความน่าสนใจทั้งจากทิศทางการเจรจาการค้าที่ดี การพึ่งพารายได้จากการส่งออกบริการมากกว่าสินค้าทำให้ลดผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และยังมีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอินเดีย ดังนั้น K WEALTH จึงยังคงมีมุมมอง Slightly Positive ต่อการลงทุนตลาดหุ้นอินเดีย


คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นอินเดีย
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำ “ทยอยสะสม”
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นอินเดีย
    • สามารถทยอยเข้าลงทุนในกองทุนอินเดียได้
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-INDIA-A, K-INDX ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
    • K-INDIA-A, K-INDX: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-INDX: T+3
    • K-INDIA-A: T+4
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6

คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

KWEALTH

Back to top