เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ต่ำกว่าคาด สะท้อนต้นทุนภาษียังไม่ส่งผ่านไปยังผู้บริโภคเต็มที่

ประเด็นร้อน: เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ออกมาต่ำกว่าคาด

เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ต่ำกว่าคาด สะท้อนต้นทุนภาษียังไม่ส่งผ่านไปยังผู้บริโภคเต็มที่

กดฟัง
หยุด



  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯ เม.ย. เพิ่มขึ้น +2.3% YoY และ +0.2% MoM ต่ำกว่าคาด เช่นเดียวกับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่ +2.8% YoY และ +0.2% MoM สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
  • เงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าคาด หนุนคาดการณ์ Fed ลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งปีนี้ ขณะข้อตกลง 90 วันช่วยผ่อนคลายสงครามการค้า แต่ความต้องการนำเข้าสูงในช่วงเติมสต็อกอาจกระตุ้นเงินเฟ้อระยะต่อไป

Market Update

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเมษายนของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น +2.3% (YoY) ต่ำกว่าคาดที่ +2.4% และเพิ่มขึ้น +0.2% (MoM) ซึ่งต่ำกว่าคาดที่ +0.3% เช่นเดียวกับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) อยู่ที่ +2.8% (YoY) และ +0.2% (MoM) สะท้อนแรงกดดันด้านราคาที่ต่ำกว่าคาดเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน


  • ราคาสินค้าในหมวดที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า เช่น รถยนต์และเสื้อผ้า ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากอย่างที่คาดไว้ แสดงให้เห็นว่าผู้นำเข้าและผู้ค้าปลีกยังคงแบกรับต้นทุนไว้เอง และสินค้าบางส่วนยังเป็นสินค้าคงคลังก่อนการขึ้นภาษี
  • ด้านหมวดบริการ เช่น ท่องเที่ยวและนันทนาการยังคงอ่อนแอ สะท้อนการบริโภคที่ชะลอลง โดยเฉพาะกลุ่มฟุ่มเฟือย

Related Indices & Funds (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ค. 2568)


  • S&P 500 ปรับขึ้น +0.72% ปิดที่ 5,886.55 จุด ลบขาดทุนสะสมของปี 2025 ได้สำเร็จ
  • NASDAQ เพิ่มขึ้น +1.61% ปิดที่ 19,010.08 จุด นำโดยหุ้นกลุ่ม AI และเทคโนโลยี เช่น Nvidia (+5.6%), Palantir (+8.1%) และ Super Micro Computer (+16%)
  • Dow Jones ลดลง -0.64% ปิดที่ 42,140.43 จุด จากแรงกดดันของหุ้น UnitedHealth ที่ร่วง -17.8% หลัง CEO ลาออกและบริษัทระงับการคาดการณ์ผลประกอบการปีนี้

Market Outlook

ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าคาดช่วยลดแรงกดดันต่อการตัดสินใจของ Fed โดยตลาดคาดการณ์ Fed ลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งภายในปีนี้ แม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะมีการผ่อนคลายชั่วคราวจากข้อตกลง 90 วัน ที่ลดอัตราภาษีรวมจาก 145% เหลือ 30% แต่หากเกิดคอขวดจากการนำเข้าสินค้าในช่วงเร่งเติมสต็อก ก็อาจส่งผลต่อเงินเฟ้อในระยะถัดไป


ปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม

  • ความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และแนวโน้มการขยายเวลาข้อตกลง 90 วัน
  • ความสามารถของบริษัทในการส่งผ่านต้นทุนภาษีไปยังผู้บริโภค ท่ามกลางอุปสงค์ที่เริ่มอ่อนแรง

คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐ
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำถือเพื่อรอติดตามพัฒนาการในระยะสั้น
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐ
    • แนะนำชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างกองทุนหุ้นสหรัฐ และแนะนำติดตามความคืบหน้านโยบายภาษีระหว่าง สหรัฐฯ-จีน อย่างใกล้ชิด
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-USA-A, K-US500X-A, K-USXNDQ-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-US500X-A: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
    • K-USA-A, K-USXNDQ-A: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-US500X-A, K-USXNDQ-A: T+3
    • K-USA-A: T+4
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6

คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top