Moody’s ปรับลดเครดิตสหรัฐฯ สู่ Aa1 จากความกังวลหนี้สาธารณะและขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูง

ประเด็นร้อน: Moody’s ลดเครดิตสหรัฐฯ สู่ Aa1 จากความกังวลหนี้สาธารณะและขาดดุลงบประมาณ

Moody’s ปรับลดเครดิตสหรัฐฯ สู่ Aa1 จากความกังวลหนี้สาธารณะและขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูง

กดฟัง
หยุด
  • Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลงจาก Aaa เป็น Aa1 จากความกังวลหนี้สาธารณะและขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูง
  • ถือเป็นสัญญาณเตือนในระยะสั้น แม้ความต้องการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ ยังมีมาก แต่ในระยะยาว ต้นทุนกู้ยืมจะเพิ่มขึ้นและความคล่องตัวในการบริหารงบประมาณจะลดลง จึงแนะนำให้พิจารณาชะลอการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ

Market Update

วันที่ 16 พ.ค. Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลงจาก Aaa เป็น Aa1 ตามหลัง S&P และ Fitch ที่ลดจาก AAA เป็น AA+ ในปี 2011 และ 2023 ตามลำดับ


สาเหตุหลักคือ หนี้สาธารณะและขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูง โดยคาดว่า

  • หนี้รัฐบาลจะสูงถึง 134% ของ GDP ภายในปี 2035 (จาก 98% ในปี 2024)
  • ขาดดุลการคลังจะเพิ่มเป็น เกือบ 9% ของ GDP ภายในปี 2035 จาก 6.4% ในปี 2024

ตลาดการเงินตอบสนองทันทีหลังข่าวการลดอันดับเครดิต

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะ 4.49%
  • กองทุน ETF ที่อิง S&P 500 ปรับลดลง 0.6% ในช่วงตลาดหลังการซื้อขาย

ความเห็น & ความเสี่ยงตลาด

  • Aa1 เป็นระดับสองรองจากสูงสุด ถือว่ายังแข็งแกร่ง โอกาสผิดนัดชำระหนี้ต่ำ
  • ในระยะสั้น ถือเป็นสัญญาณเตือน แม้ความต้องการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ ยังมีมาก แต่ผลกระทบระยะยาวคือต้นทุนกู้ยืมจะเพิ่มขึ้นและความคล่องตัวในการบริหารงบประมาณจะลดลง
  • เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอลงจากความไม่แน่นอนของภาษีการค้า รวมทั้งความล่าช้าของมาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ FED รอประเมินผลกระทบจากภาษีก่อนตัดสินใจดำเนินนโยบายดอกเบี้ย
  • แม้ยังไม่มีการยกเลิกภาษีนำเข้า แต่ความขัดแย้งลดลง เข้าสู่การเจรจามากขึ้น
  • ผลประกอบการของ บริษัทจดทะเบียน ในไตรมาสแรกยังดี แต่มีการปรับคาดการณ์กำไรลงตามภาวะเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนต่อนโยบายภาษีการค้า

ปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม

  • การออกนโยบายภาษีและการใช้จ่ายใหม่ของรัฐบาล ซึ่งอาจเพิ่มภาระหนี้มากขึ้น หากไม่มีแผนลดรายจ่ายชัดเจน
  • ความสามารถในการคุมหนี้ของสหรัฐฯ ภายใต้สภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ยังสูง
  • ปฏิกิริยาตลาดการเงิน โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์ หากมี sell-off ต่อเนื่อง

คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำถือเพื่อรอติดตามพัฒนาการในระยะสั้น
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ
    • แนะนำชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างกองทุนหุ้นสหรัฐฯ และแนะนำติดตามความคืบหน้าด้านนโยบายภาษีอย่างใกล้ชิด
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WealthPLUS Series เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-USA-A, K-US500X-A, K-USXNDQ-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง 100% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยงมากกว่า 90% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-US500X-A: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
    • K-USA-A, K-USXNDQ-A: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-US500X-A, K-USXNDQ-A: T+3
    • K-USA-A: T+4
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6



คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top