ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดดอกเบี้ยอ้างอิงสำคัญ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมกัน เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว

ประเด็นร้อน: จีนลดดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อประคองเศรษฐกิจ

ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดดอกเบี้ยอ้างอิงสำคัญ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมกัน เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว

กดฟัง
หยุด
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำคัญ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมกันเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวจากปัจจัยภายในประเทศและแรงกดดันจากต่างประเทศ
  • แม้ว่ามาตรการลดดอกเบี้ยจะเป็นสัญญาณบวกในเชิงนโยบาย แต่ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจยังต้องใช้เวลาในการแสดงผล ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจปัจจุบันยังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนทิศทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน จึงแนะนำให้พิจารณาชะลอการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน

Market Update

ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำคัญ (Loan Prime Rate - LPR) ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมกันในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 นับเป็นครั้งแรกที่มีการลดดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นมาตรการทางการเงินที่ชัดเจน เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวจากปัจจัยภายในประเทศและแรงกดดันจากต่างประเทศ


  • อัตราดอกเบี้ย LPR ระยะ 1 ปี ลดลงจาก 3.10% เหลือ 3.00%
  • อัตราดอกเบี้ย LPR ระยะ 5 ปี ลดลงจาก 3.60% เหลือ 3.50%

อัตราดอกเบี้ย LPR 1 ปี มีผลต่อสินเชื่อธุรกิจและครัวเรือนทั่วไป ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR 5 ปี ใช้เป็นอัตราอ้างอิงสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของทางการจีนในการกระตุ้นทั้งการลงทุนและการบริโภคภาคครัวเรือน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงมีภาวะซบเซา


นอกจากการลดดอกเบี้ยเงินกู้ ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของจีน เช่น ICBC, ABC, CCB และ BOC ยังได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.05-0.25% พร้อมกัน เพื่อรักษาผลตอบแทนจากส่วนต่างดอกเบี้ย (Net Interest Margin) และสนับสนุนภาคสินเชื่อให้เติบโต


การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในชุดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ PBOC และรัฐบาลจีนกำลังดำเนินการ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการออกมาตรการทางการคลัง เช่น การแจกบัตรกำนัล กระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารด้วยวงเงินสูงถึง 1 ล้านล้านหยวน ผ่านการออกพันธบัตรพิเศษ เพื่อหนุนการปล่อยสินเชื่อในวงกว้าง


แม้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่หลายฝ่ายยังคงมองว่ามาตรการเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะปลุกเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างมั่นคง โดยเฉพาะในภาวะที่จีนยังเผชิญกับแรงกดดันจากภาคอสังหาริมทรัพย์ การบริโภคภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ และความไม่แน่นอนของการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ


Related Indices & Funds
  • CSI300 +0.39%
  • Hang Seng +1.26%
  • Hang Seng China Enterprises +1.25%
  • China A50 +0.27% (ข้อมูลดัชนี วันที่ 20 พ.ค. 2568 เวลา 10.15 น.)

Market Outlook

K WEALTH ยังคงมุมมอง Neutral ต่อการลงทุนในหุ้นจีน แม้ว่ามาตรการลดดอกเบี้ยจะเป็นสัญญาณบวกในเชิงนโยบาย แต่ในแง่ของผลกระทบเชิงเศรษฐกิจยังต้องใช้เวลาในการแสดงผล อีกทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่ถือว่ามากพอที่จะเปลี่ยนทิศทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน


ทั้งนี้ ยังต้องติดตามว่าทางการจีนจะเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องแค่ไหน รวมถึงผลลัพธ์ของมาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้วว่าจะช่วยหนุนตัวเลขเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งเป็นช่วงสำคัญต่อเป้าหมายการเติบโต “ประมาณ 5%” ที่ทางการจีนตั้งไว้


คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นจีน
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต โดยนำเงินไปพักในกองทุน K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำถือเพื่อรอติดตามความคืบหน้าของสงครามการค้า
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน
    • แนะนำชะลอการลงทุนและติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าของสงครามการค้าในช่วงเวลาต่อจากนี้
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WealthPLUS Series เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS-A เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-CHINA-A(A), K-CHX ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง 100% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยงมากกว่า 90% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-CHINA-A(A), K-CHX: ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่า 75% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-CHX: T+3
    • K-CHINA-A(A): T+4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED: T+6

คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top