เศรษฐกิจอินเดียถึงเวลาฟื้นตัวหรือยัง?
ย้อนกลับไปเมื่อไตรมาส 3 ปี 2024 ตัวเลข GDP ของประเทศอินเดียออกมาที่ 5.4% (YoY) ต่ำกว่าคาดที่ 6.5% (YoY) และต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2022 ที่เติบโต 4.4% (YoY) ส่งผลให้ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวลงต่อเนื่องรับข่าวดังกล่าว โดยระหว่างวันที่ 27 ก.ย. 2024 – 9 เม.ย. 2025 ดัชนี BSE200 ร่วงลงมาประมาณ 20
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. เราเริ่มเห็นข่าวดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจอินเดียมากขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัว เลยเกิดคำถามว่าถึงเวลาหรือยังที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นอินเดียจะกลับมาอย่างแท้จริงแล้ว
จริงๆแล้ว เศรษฐกิจและตลาดหุ้นอินเดียเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว
เริ่มจากตัวเลข GDP ที่แตะระดับต่ำสุดไปเมื่อไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ก็กลับมาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ปี 2024 เพิ่มขึ้นมาที่ 6.2% (YoY) และล่าสุดไตรมาส 1 ปี 2025 ออกมาที่ 7.4% (YoY)
ส่วนดัชนี BSE200 ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 2025 ถึงวันที่ 6 มิ.ย. 2025 แล้ว 15.5% พร้อมกันนั้น นักวิเคราะห์ได้ชะลอการปรับลดประมาณการ EPS ของตลาดหุ้นอินเดียในปี 2025 ลงแล้ว ซึ่งถ้าย้อนไประหว่างวันที่ 15 ต.ค 2024 ถึง 2 พ.ค. 2025 นักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการ EPS ตลาดลงมาแล้ว 9.5% แต่หลังจากวันที่ 2 พ.ค. 2025 ถึงวันที่ 6 มิ.ย. 2025 ประมาณการ EPS ถูกปรับลดมาแค่ประมาณ 0.2%
เมื่อประกอบทั้งความเคลื่อนไหวของดัชนีและทิศทางการปรับประมาณการ EPS ตลาด ชี้ให้เห็นว่าตลาดหุ้นอินเดียรับข่าวแรงกดดันเชิงลบไปเรียบร้อยแล้ว
นโยบายการคลังเริ่มลดบทบาทหลังพุ่งแรงช่วง COVID-19
การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้รัฐบาลอินเดียต้องเข้ามามีบทบาทกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดงบประมาณ ส่งให้ในปี 2020 ขาดดุลงบประมาณ (Fiscal Deficit) สูงถึง 9.16% ของ GDP จากปี 2019 ซึ่งอยู่ที่เพียง 4.64% ของ GDP จากนั้นปี 2021 เริ่มเห็นการขาดดุลที่ลดลงมาอยู่ที่ 6.71% ของ GDP และลดลงต่อเนื่องทุกปี จนถึงปี 2024 ลงมาอยู่ที่ 4.8% ของ GDP ซึ่งเป็นไปตามแนวทางนโยบายลดการขาดดุลการคลัง

Fiscal deficit of GDP I Source: Tradingeconomics.com
สำหรับปีงบประมาณ 2025 รัฐบาลอินเดียตั้งเป้าลดการขาดดุลงบประมาณลงมาที่ 4.4% ของ GDP ซึ่งแม้จะลดบทบาทลง แต่โดยรวมก็ยังเป็นการขาดดุลงบประมาณ ทำให้มีเม็ดเงินจากภาครัฐไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอยู่ นอกจากนี้การเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ทำให้ K WEALTH มองว่าตลาดได้รับข่าวนโยบายลดการขาดดุลไป และอาจไม่ไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอินเดีย
นโยบายการเงินก้าวขึ้นมารับบทบาทเครื่องมือหลักกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนโยบายการคลังแล้ว นโยบายการเงินเป็นอีกเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งก่อนหน้านี้ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ได้คงอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปี 2024 เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 2-6% และอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ก็ปรับลงมาสู่กรอบเป้าหมายแล้วเมื่อเดือน พ.ย. 2024 ที่ 5.48% (YoY) จากนั้นก็ลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือน เม.ย. 2025 CPI ของอินเดียลดลงมาอยู่ที่ 3.16% (YoY)

อัตราดอกเบี้ยนโยบายของอินเดีย I Source: Tradingeconomics.com
ส่งให้ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อเดือน ก.พ. จาก 6.50% มาที่ 6.25% จากนั้นลดอีก0.25%เดือน เม.ย. มาที่ 6.00% และล่าสุดลดดอกเบี้ยอีก 0.50% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 0.25% ทำให้ล่าสุดดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ 5.50% พร้อมคงประมาณการ GDP ปี 2025 ไว้ที่ 6.5% และปรับลดประมาณการเงินเฟ้อมาที่ 3.7% จากเดิม 4%
การวางตัวอย่างดี ช่วยหนุนอินเดียให้เนื้อหอมในสายตาต่างชาติ ลดผลกระทบสงครามการค้า
อินเดียไม่ได้เป็นประเทศที่มีรายได้หลักจากการส่งออกสินค้า (ส่งออกยารักษาโรค แต่ไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบ) แถมยังเด่นด้านการส่งออกบริการมากกว่าด้วยซ้ำ โดยเฉพาะบุคลากรสายเทคโนโลยี เป็นปัจจัยแรกที่ช่วยให้ประเทศอินเดียได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่จำกัด
นอกจากนี้การวางตัวทางการทูตกับประเทศมหาอำนาจ และการอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนจากประเทศเกษตรกรรมไปเป็นอุตสาหกรรม กลับกลายเป็นสิ่งที่ช่วยหนุนให้อินเดียอาจรับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตในอนาคต เพื่อเลี่ยงผลจากสงครามการค้า
สรุป: เศรษฐกิจอินเดียกลับมาแล้ว ตลาดหุ้นอินเดียกำลังน่าสนใจ
คาดว่าเศรษฐกิจอินเดียได้แตะระดับต่ำสุดไปแล้ว และกำลังเข้าสู่ภาวะฟื้นตัว ด้วยแรงหนุนจากนโยบายการเงินเป็นหลัก พร้อมมีนโยบายการคลังเป็นพระรอง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยหนุนตลาดหุ้นอินเดียให้กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง หลังซบเซามาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทำให้ K WEALTH มีมุมมอง Slightly Positive ต่อการลงทุนตลาดหุ้นอินเดีย