พลังงานสะอาด ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

กดฟัง
หยุด

ศึกพลังงานสะอาดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ


หลายคนติดตามสงครามเทคโนโลยีในเรื่องเซมิคอนดัคเตอร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ แต่แท้จริงแล้ว อีกหนึ่งสมรภูมิที่ดุเดือดไม่แพ้กันก็คือ สมรภูมิเทคโนโลยีพลังงานสะอาด


เพราะนี่เป็นตลาดใหญ่โตมโหฬารที่ยังมีศักยภาพขยายตัวต่อไปได้อีกมาก ปัจจุบันคนจีนจึงไม่ยอมรับคำวิจารณ์ของฝรั่งที่ว่าในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดนั้น จีนมีกำลังการผลิตเกินตัว เพราะจีนมองว่าทั้งโลกยังมีดีมานด์การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอีกมหาศาล และยิ่งนับวัน ยิ่งต้องเร่งเปลี่ยนผ่านอย่างไม่มีทางเลือก ด้วยวิกฤตโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้น


แม้กระทั่งสงครามการค้าระหว่างยุโรปและจีน และสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ก็มีจุดโฟกัสที่อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมโซล่าเซลล์ รถยนต์ EV แบตเตอรี่ ซึ่งทั้งยุโรปและสหรัฐฯ มีการตั้งกำแพงภาษีที่สูงลิ่วสำหรับสินค้าจากจีนในอุตสาหกรรมเหล่านี้


อย่างในสมัยรัฐบาลไบเดนที่ไม่ได้ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจีนแบบเหมารวม แต่เลือกที่จะเล็งเป้าขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจีนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดโดยเฉพาะ เพราะสหรัฐฯ มองว่านี่เป็นอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์และเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต


ขืนสหรัฐฯ และยุโรปให้สินค้าจีนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดทะลักเข้ามาอย่างไม่มีเขื่อนกั้น คงทำให้บริษัทโซล่าเซลล์ บริษัทรถยนต์ และบริษัทแบตเตอรี่ของยุโรปและสหรัฐฯ พังพินาศกันหมด และเมื่อพังแล้ว ก็จะไม่สามารถต่อยอดและพัฒนาเทคโนโลยีแข่งกับจีนได้ สุดท้ายตลาดใหญ่โตมโหฬารในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดโลกก็จะตกเป็นของบริษัทและเทคโนโลยีจีนไปอย่างสมบูรณ์


ในสมัยรัฐบาลไบเดน ยังได้ผลักดันแนวคิด “Green New Deal” ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของสหรัฐฯ ด้วยเม็ดเงินลงทุนมากกว่า 230,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในการผลิตพลังงานสะอาดสำหรับยุคใหม่ มีโครงการสร้างโรงงานผลิตพลังงานสะอาดใหม่มากกว่า 920 แห่ง และสร้างงานใหม่มากกว่า 200,000 ตำแหน่ง


หลายคนเห็นว่าทรัมป์ไม่เชื่อเรื่องวิกฤตโลกร้อน และหันกลับมาส่งเสริมพลังงานเก่า แต่หากเราดูให้ดี ทรัมป์เพียงแต่กลับมาลงทุนในพลังงานเก่า เช่น กลับมาขุดน้ำมัน แต่สำหรับการลงทุนในพลังงานสะอาดที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลไบเดนหลายโครงการก็ยังคงดำเนินการต่อไป และตัวทรัมป์เองก็ยังตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้าในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของจีนเช่นเดิม เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดภายในประเทศ


ศึกพลังงานสะอาดระหว่างสองยักษ์จึงดุเดือด เพราะเมื่อสหรัฐฯ กลับมาลงทุนมหาศาลในด้านนี้ จีนเองก็ยิ่งทุ่มเงินลงทุนหนักขึ้นไปอีก มีรายงานว่าในปี ค.ศ. 2023 การลงทุนเรื่องพลังงานสะอาดของจีนคิดเป็น 40% ของก้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ของจีน และอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดได้ขึ้นมามีสัดส่วนใหญ่ถึง 10% ของจีดีพีจีนเรียบร้อยแล้ว


ในปี ค.ศ. 2024 ตัวเลขการลงทุนด้านพลังงานสะอาดของจีนแตะสูงถึง 940,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ด้วยเม็ดเงินมหึมาขนาดนี้ จึงไม่แปลกหากจีนจะเป็นผู้นำเทคโนโลยีดังกล่าวและเป็นโมเดลตัวอย่างของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งในระดับผู้บริโภคและครัวเรือนด้วย


มีคนเล่าว่าเราจะเห็น Deepseek Moment ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของจีนเช่นเดียวกับที่เราได้เห็นการก้าวกระโดดในวงการ AI ของจีนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ความหมายคือการเกิดขึ้นของม้ามืดรายใหม่ และเทคโนโลยีใหม่ รวมทั้งการปรับปรุงเทคโนโลยีเดิมอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของจีนให้โลกและสหรัฐฯ ตกใจแบบไม่คาดคิด


ยิ่งโดยเฉพาะในด้านพลังงานสะอาด ดูเหมือนจีนจะมีความมั่นใจว่าเขาเป็นผู้นำเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะในการผลิตฮาร์ดแวร์ต่างๆ เช่น โซล่าเซลล์ รถยนต์ EV แบตเตอรี่ ซึ่งแตกต่างจากในสมรภูมิศึกการแข่งขันด้านเทคโนโลยีเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งจีนน่าจะตามหลังสหรัฐฯ อยู่ 5-10 ปี


นี่จึงเป็นโอกาสการลงทุนครั้งใหญ่อีกครั้ง ในการเสาะหาม้ามืดและดาวรุ่งในวงการพลังงานสะอาดของจีน ซึ่งมีศักยภาพที่จะแข่งขันและท้าทายกับพลังงานเก่าและเทคโนโลยีพลังงานใหม่ของค่ายสหรัฐฯ และยุโรป


และหากสุดท้ายจีนชนะ ก็จะสามารถบุกทะลวงและยึดครองตลาดการบริโภคพลังงานสะอาดโลกที่มีขนาดใหญ่โตมหาศาล ในยุคของการเปลี่ยนผ่านพลังงานของทั้งโลก



คำเตือน


ผู้เขียน



Back to top