-
ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ลดดอกเบี้ย 0.5% จาก 6% สู่ระดับ 5.5% สาเหตุของการลดดอกเบี้ย คือ เงินเฟ้ออินเดียปรับลง และเศรษฐกิจอินเดียยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนด้านสงครามการค้า RBI คงประมาณการณ์ GDP ในปีงบประมาณนี้ที่ +6.5%
-
อินเดียยังน่าสนใจจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง ได้รับผลกระทบจาก Tariff จำกัด เพราะอินเดียพึ่งพาการส่งออกน้อย อีกทั้งธนาคารกลางอินเดียได้ลดดอกเบี้ย พร้อมอัดฉีดสภาพคล่อง ซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจอินเดียต่อไปได้ทำให้ K WEALTH ยังคงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นอินเดีย
Market Update
ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ลดดอกเบี้ย 0.5% จาก 6% สู่ระดับ 5.5% มากกว่าตลาดคาดว่าจะลดดอกเบี้ยเพียงแค่ 0.25% โดยดอกเบี้ยระดับนี้ถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนส.ค. 2022 และเป็นการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งติดต่อกันตั้งแต่เดือนก.พ. ปีนี้
- พร้อมทั้งลดสัดส่วนเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ลงจาก 4% เหลือ 3% เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน
- ปรับจุดยืนของนโยบายการเงินจาก "accommodative" เป็น "neutral" สะท้อนว่าการดำเนินนโยบายการเงินต่อจากนี้จะคำนึงถึงตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
สาเหตุของการลดดอกเบี้ย คือ เงินเฟ้ออินเดียปรับลง และเศรษฐกิจอินเดียยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนด้านสงครามการค้า RBI คงประมาณการณ์ GDP ในปีงบประมาณนี้ที่ +6.5% และปรับลดประมาณการณ์เงินเฟ้อลงสู่ระดับ 3.7% จากเดิมที่ 4%
Related Indices & Funds
- SENSEX +0.88%
- NIFTY +0.96%
(ข้อมูลวันที่ 6 มิถุนายน 2568 เวลา 14.19)
Market Outlook
เรายังคงมุมมองบวกต่อหุ้นอินเดีย หนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง ได้รับผลกระทบจาก Tariff จำกัด เพราะอินเดียพึ่งพาการส่งออกน้อย อีกทั้งธนาคารกลางอินเดียได้ลดดอกเบี้ย พร้อมอัดฉีดสภาพคล่อง ซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจอินเดียต่อไปได้
คำแนะนำการลงทุน
- สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นอินเดีย
- หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
- หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำ “ทยอยสะสม”
- สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นอินเดีย
- สามารถทยอยเข้าลงทุนในกองทุนอินเดียได้
- เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
- แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
- สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-INDIA-A, K-INDX ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- K-INDIA-A, K-INDX: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFPLUS: T+1
- K-FIXEDPLUS-A: T+2
- K-INDX: T+3
- K-INDIA-A: T+4
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6