Health Tech และ Biotech: ธุรกิจที่ต้องจับตาในสังคมสูงวัย

กดฟัง
หยุด

“การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนกับสุขภาพ” วรรคทองนี้ไม่ได้หมายถึงเพียงการดูแลรักษาร่างกายให้สุขภาพแข็งแรง แต่ตรงไปตรงมาจากมุมนักลงทุนก็คือ ธุรกิจในกลุ่ม Health Tech และ Biotech กำลังมาแรงและเติบโตอย่างก้าวกระโดด


นอกจากธุรกิจ Health Tech อย่างยา เครื่องมือแพทย์ บริการการแพทย์ และเวชภัณฑ์ ซึ่งกำลังเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็วตามการก้าวกระโดดของโลกเทคโนโลยี ยังมีธุรกิจนวัตกรรมด้าน Biotech แตกหน่อล้ำหน้าไปอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพิสูจน์บุคคลด้วยดีเอ็นเอ การบำบัดโรคด้วยยีน การโคลน การดัดแปลงยีน เป็นต้น


วงการสุขภาพวันนี้ได้พลิกโฉมไปจากเดิมมาก เรามีความก้าวหน้ามากมายในการรักษาโรคร้าย จากที่เคยใช้วิธีการรักษามะเร็งด้วยการผ่าตัดหรือฉายรังสี ตอนนี้เริ่มผลิตยารักษาโรคมะเร็งที่ใช้นวัตกรรมเพื่อทำการรักษาในระดับเซลล์


หรืออีกหนึ่งเป้าหมายคือการทำให้มนุษย์มีอายุยืนยาว และมีสุขภาพดีในวัยชรา (อายุยืนยาว แต่นอนติดเตียงก็ไม่ไหวเช่นกัน) นี่เป็นตลาดขนาดใหญ่ เพราะตอนนี้ประเทศจำนวนมากกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ธุรกิจ Health Tech และ Biotech ได้รับการขนานนามว่าเป็นหัวหอกขับเคลื่อน Silver Economy หรือเศรษฐกิจสังคมสูงวัย


การเติบโตของวงการนี้ไม่ใช่เติบโตแบบธรรมดา แต่มีศักยภาพเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะไม่เพียงขนาดของตลาด แต่หัวใจที่สำคัญที่ทำให้หลายคนตื่นเต้นกับวงการ Health Tech และ Biotech ก็คือ การพัฒนาอย่างรุดหน้าของ AI


เราเริ่มเห็นธุรกิจที่นำ AI มาปรับใช้กับบริการทางการแพทย์ เช่น การวินิจฉัยโรคหรืออ่านฟิล์ม X-Ray ซึ่งทำได้แม่นยำกว่ามนุษย์ รวมทั้งมีการพัฒนาหุ่นยนต์มาช่วยในการผ่าตัดที่แม่นยำขึ้น


แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นที่ AI พลิกโฉมวงการ Biotech ก็คือ การเพิ่มสปีดความเร็วในการวิจัยและพัฒนายา จากเดิมหากใช้มนุษย์ในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ อาจต้องใช้เวลายาวนานและกำลังคนนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก แต่ปัจจุบันเมื่อใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ก็จะได้ผลการวิจัยที่รวดเร็วและละเอียดกว่าในอดีตมาก


จากเดิมที่วัคซีนต้องใช้เวลามมากกว่า 10 ปี ในการพัฒนา จำได้ไหมครับว่าด้วยวิกฤตโควิด วัคซีนโควิดพัฒนาได้ในกรอบเวลาที่สั้นมาก เวลาหนึ่งปีในการพัฒนายาในวันนี้จึงเท่ากับที่เคยใช้เวลาเป็นสิบปีหรือหลายสิบปีในอดีต


ที่ได้สั่นสะเทือนเลือนลั่นวงการวิทยาศาสตร์โลกในปี ค.ศ. 2024 เมื่อรางวัลโนเบลสาขาเคมี ไม่ได้มอบให้แก่นักเคมีแบบดั้งเดิม แต่มอบให้แก่ผลงานที่การออกแบบโปรตีนด้วยคอมพิวเตอร์ และการใช้ AI คาดการณ์โครงสร้างโปรตีน ทำให้มนุษย์รู้วิธีการควบคุมองค์ประกอบพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต และสร้างโปรตีนชนิดใหม่ทั้งหมดขึ้นมาได้ ซึ่งการค้นพบนี้จะมีผลมหาศาลต่อศักยภาพในการพัฒนาวงการ Biotech ทั้งวงการ


และที่น่าสนใจมากก็คือ มหาอำนาจเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ของโลกอย่างสหรัฐฯ และจีน ต่างก็ก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุเต็มขั้น ด้วยสัดส่วนประชากรผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งสองฝ่ายจึงมองเห็นว่านี่เป็นตลาดขนาดมหึมาและเป็นภาคเศรษฐกิจแห่งอนาคต


Tech War ระหว่างสองประเทศ จึงขยายจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ AI และพลังงานสะอาด มาสู่สมรภูมิใหม่เรื่อง Health และ Biotech อีกหนึ่งสนามรบ ซึ่งไว้ตอนต่อไปเราจะมาสำรวจความก้าวหน้าของจีนในวงการนี้ที่เรียกว่าหายใจรดต้นคอสหรัฐฯ เลยทีเดียว



Back to top