ลงทุนทองคำอย่างปลอดภัยด้วยกองทุนรวม ทางเลือกง่ายๆ สำหรับมือใหม่

ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเผชิญความผันผวนและความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการลงทุนในทองคำมากขึ้น ไม่ใช่เพราะแค่ความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าทองคำคือ "ทรัพย์สินอันล้ำค่า" แต่เพราะทองคำมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยปกป้องและรักษามูลค่าเงินลงทุนได้อย่างแท้จริง แล้วทองคำมีดีอย่างไร ทำไมถึงน่าลงทุน วิธีการลงทุนทองคำที่เข้าถึงง่าย และการเปรียบเทียบกับทางเลือกต่างๆ ติดตามได้จากบทความนี้

ทองคำมีดีอย่างไร ทำไมถึงน่าลงทุน

ป้องกันเงินเฟ้อและรักษามูลค่าในระยะยาว

หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของทองคำคือ การเป็น "เครื่องป้องกันเงินเฟ้อ" ที่มีประสิทธิภาพ เมื่ออำนาจซื้อของเงินลดลงจากเงินเฟ้อ ราคาทองคำมักจะปรับตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้ผู้ถือครองทองคำสามารถรักษามูลค่าทรัพย์สินของตนไว้ได้

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ในปี 2024 ที่ผ่านมา ราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยปรับตัวขึ้นกว่า 27% เมื่อเทียบกับปี 2023 จากปัจจัยสำคัญหลายประการ ทั้งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการเก็งกำไรของนักลงทุน

ความมั่นคงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ

ทองคำยังทำหน้าที่เป็น "สินทรัพย์ปลอดภัย" (Safe Haven Asset) ในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง เมื่อนักลงทุนเสียความเชื่อมั่นต่อหุ้น พันธบัตร หรือสกุลเงิน มักจะหันมาลงทุนในทองคำเพื่อหลบภัย

ความมั่นคงของทองคำมาจากการที่เป็น "สินทรัพย์จริง" ที่มีมูลค่าในตัวเอง ไม่เหมือนหุ้นที่ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท หรือตราสารหนี้ที่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ทองคำจึงมีความผันผวนที่สามารถคาดเดาได้มากกว่า

นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับการยอมรับจากธนาคารกลางทั่วโลกให้เป็นสินทรัพย์สำรอง โดยหลายประเทศเพิ่มการถือครองทองคำในช่วงที่ผ่านมา เพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสร้างความมั่นคงทางการเงินของประเทศ

กองทุนรวมทองคำ: วิธีลงทุนทองคำที่ง่าย ปลอดภัย และเข้าถึงได้

กองทุนทองคำคืออะไร และมีข้อดีอย่างไร

กองทุนรวมทองคำ คือ กองทุนที่นำเงินของผู้ลงทุนไปซื้อทองคำแท่งและเก็บไว้ในคลังของธนาคารที่มีความปลอดภัยสูง ผู้ลงทุนจะได้รับหน่วยลงทุนที่แสดงถึงสิทธิในทองคำที่กองทุนถือครอง โดยราคาหน่วยลงทุนจะเคลื่อนไหวตามราคาทองคำในตลาดโลก

ข้อดีของการลงทุนผ่านกองทุนทองคำมีหลายประการ

ความสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษาทองคำจริง ไม่มีปัญหาการขโมยหรือการเสียหาย สามารถซื้อขายได้ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ความยืดหยุ่น สามารถลงทุนได้ตั้งแต่จำนวนเงินน้อย ไม่ต้องซื้อทองคำเป็นแท่งเต็ม และสามารถขายบางส่วนได้เมื่อต้องการ

ความปลอดภัย ทองคำจริงถูกเก็บรักษาในคลังที่มีการรักษาความปลอดภัยระดับสูง และมีการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอิสระ

สภาพคล่อง สามารถซื้อขายได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องหาผู้ซื้อด้วยตัวเองเหมือนทองคำแท่ง

กองทุนทองคำแนะนำและวิธีเริ่มต้นลงทุน

K WEALTH แนะนำกองทุนทองคำเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่

K-GOLD-A(A) กองทุนรวมทองคำที่ลงทุนในกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่เน้นลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าใช้จ่ายให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำแท่งในตลาดโลก

การเริ่มต้นลงทุนทำได้ง่ายดายผ่านขั้นตอนต่อไปนี้

1. เปิดบัญชีกองทุนผ่านแอปพลิเคชันธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
2. ศึกษาข้อมูลกองทุน นโยบายการลงทุน รวมถึงค่าธรรมเนียม
   
3. เริ่มลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เหมาะสมกับความสามารถทางการเงิน
4. ติดตามผลการดำเนินงาน และปรับกลยุทธ์ตามความเหมาะสม
   

สำหรับการจัดสรรการลงทุน K WEALTH แนะนำให้นักลงทุนจัดสรรสัดส่วนการลงทุนในทองคำประมาณ 5% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นคงให้กับพอร์ต

เปรียบเทียบทางเลือกการลงทุนทองคำอื่นๆ

การลงทุนในทองคำมีหลายรูปแบบ แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน

ทองคำแท่ง

ข้อดี: เป็นเจ้าของทองคำจริง สามารถสัมผัสได้ ไม่มีค่าธรรมเนียมการจัดการ

ข้อเสีย: กังวลเรื่องการเก็บรักษา มีความเสี่ยงการถูกขโมย ต้องซื้อเป็นแท่งเต็ม ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายสูง

เหมาะกับ: ผู้ที่มีเงินลงทุนจำนวนมาก มีที่เก็บรักษาที่ปลอดภัย และต้องการถือครองระยะยาว

การเทรดทองออนไลน์

ข้อดี: สามารถซื้อขายได้รวดเร็ว มีโอกาสกำไรจากความผันผวนระยะสั้น

ข้อเสีย: ความเสี่ยงสูง ต้องมีความรู้และประสบการณ์ มีค่าธรรมเนียมต่างๆ

เหมาะกับ: ผู้ที่มีประสบการณ์การลงทุน สามารถติดตามตลาดได้ตลอดเวลา

ETF ทองคำ

ข้อดี: สภาพคล่องสูง ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้ มีความโปร่งใสในการดำเนินงาน

ข้อเสีย: ต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ มีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย

ข้อเสีย: ต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ มีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย

กองทุนรวมทองคำ

ข้อดี: เข้าถึงง่าย ลงทุนขั้นต่ำน้อย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา มีการจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญ

ข้อเสีย: มีค่าธรรมเนียมการจัดการ ไม่ได้เป็นเจ้าของทองคำโดยตรง

เหมาะกับ: นักลงทุนทั่วไป ผู้เริ่มต้น ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย

คำถามที่พบบ่อยและคำแนะนำเพิ่มเติม

คำถามยอดฮิต

Q: ลงทุนทองต้องใช้เงินเท่าไหร่?

A: สำหรับกองทุนทองคำสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 500 บาท ส่วนทองคำแท่ง 1 บาท ต้องใช้เงินประมาณ 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับราคาทองในขณะนั้น

Q: กองทุนทองต่างจากทองแท่งยังไง?

A: กองทุนทองคำเป็นการลงทุนผ่านหน่วยลงทุนที่แสดงสิทธิในทองคำ ไม่ได้เป็นเจ้าของทองคำโดยตรง แต่ได้ผลตอบแทนตามราคาทองคำ ส่วนทองแท่ง เราเป็นเจ้าของทองคำจริง

Q: ซื้อกองทุนทองคำผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?

A: สามารถซื้อได้ผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร เว็บไซต์บริษัทจัดการ หรือผ่านตัวแทนขายหน่วยลงทุน

Q: กองทุนทองคำมีความเสี่ยงอย่างไร?

A: ความเสี่ยงหลักคือ ความผันผวนของราคาทองคำซึ่งอาจขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ย และปัจจัยทางการเมือง

แนะนำแหล่งข้อมูลราคาทองคำ

แหล่งข้อมูลราคาทองคำ

• เว็บไซต์สมาคมค้าทองคำไทย
• แอปข่าวการเงิน เช่น Bloomberg, Reuters
• เว็บไซต์ของบริษัทจัดการกองทุน

คำแนะนำสำคัญสำหรับการลงทุน

1. เริ่มต้นด้วยการศึกษา ทำความเข้าใจกลไกการทำงานของทองคำและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา
2. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ลงทุนเพื่อการกระจายความเสี่ยง การป้องกันเงินเฟ้อ หรือการเก็งกำไรระยะสั้น
3. จัดสรรอย่างเหมาะสม อย่าลงทุนในทองคำมากเกินไป แนะนำ 5% ของพอร์ตลงทุน
4. ติดตามและทบทวนผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และปรับกลยุทธ์ตามความเหมาะสม

การลงทุนทองคำผ่านกองทุนรวมเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและความปลอดภัย หากทำความเข้าใจและวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ ทองคำสามารถเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาวได้อย่างแท้จริง

สำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นลงทุนในกองทุนทองคำ K WEALTH แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อให้การลงทุนเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินและเป้าหมายของแต่ละบุคคล

• ระดับความเสี่ยงกองทุน
  • K-GOLD-A(A), K-GOLD-A(D): ความเสี่ยงกองทุนระดับ 8
• นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
  • K-GOLD-A(A), K-GOLD-A(D): ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
• ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
  • K-GOLD-A(A), K-GOLD-A(D): T+2

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บลจ.กสิกรไทย, SET Investnow