-
ทุกวันนี้ตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ผันผวนหนักจนเกิดภาวะ “Risk-off หรือ Risk-on” ชั่วข้ามคืน สาเหตุหลักจากการที่ ปธน. ทรัมป์ ออกมาทวีตหรือให้ข่าวที่เปลี่ยนแปลงรายวัน ซึ่งสงครามของทรัมป์ครั้งนี้อาจจะยาวนานกว่าที่ทุกคนคาดไว้ ถ้านักลงทุนไม่มีแผนสำรองอาจจะกลายเป็นเหยื่อในสงครามครั้งนี้ได้
-
เพราะฉะนั้น กลยุทธ์ที่จะทำให้นักลงทุนผ่านสงครามครั้งนี้ไปได้ นั่นก็คือการกระจายการลงทุนที่เหมาะสมเหมือนกับกองทุน K-WealthPLUS Series ที่ผลการดำเนินงานฟื้นตัวได้ดีในเดือนพ.ค. 68 จากการกระจายการลงทุนที่หลากหลายและทั่วทุกภูมิภาค

(ที่มา Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 2568)
รบแบบไม่มีแผน กับแผนที่ไม่มีวันแน่นอน
ต้องยอมรับว่าการลงทุนในยุคของทรัมป์นั้นนักลงทุนต้องตื่นตัวและต้องมีความพร้อมที่จะรับแรงกระแทกได้ตลอดเวลา จากนโยบายที่ไม่แน่นอน การตัดสินใจรวดเร็ว เปลี่ยนท่าทีโดยไม่เตือนล่วงหน้า รวมถึงการออกมาทวีตเดียวทำให้ตลาดสะเทือน ผลที่เกิดขึ้นคือ ตลาดโลกผันผวนหนัก นักลงทุนตอบสนองเร็วหรืออาจรีบเกินไปส่งผลให้เกิดภาวะ “Risk-off หรือ Risk-on” แปรปรวนชั่วข้ามคืน
สำหรับนักลงทุนเองถึงแม้ว่าจะมีการวางแผนหรือปรับพอร์ตมาอย่างดีแล้วยังต้องมีความระมัดระวังว่าในวันถัดไปจะมีเหตุการณ์หรือการออกมาให้ข่าวของทรัมป์นั้นจะส่งผลต่อตลาดไปในทิศทางไหนบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาสังเกตไหมว่านอกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯแล้ว ตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ขนาดของผลกระทบแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นแล้ว กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนี้ การกระจายความเสี่ยงหรือการกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นอื่นๆ หรือแม้กระทั่งการกระจายไปยังสินทรัพย์อื่นด้วยนั้น ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ดีและเหมาะสมในตอนนี้
กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน K-WealthPLUS Series เหมาะกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงรายวัน
การกระจายการลงทุนที่เหมาะสมก็เป็นหัวใจสำคัญของกองทุน K-WealthPLUS Series ด้วยเหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมากองทุนมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตให้รองรับกับผลกระทบหรือประโยชน์ที่จะเข้ามาให้ทันต่อสถานการณ์อยู่ตลอด โดยในเดือนพฤษภาคม 2568 กองทุนได้มีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนดังนี้
- มีการลดสัดส่วนในหุ้นโลกในตลาดพัฒนาแล้วบางส่วนเพื่อที่จะให้พอร์ตมีการกระจายตัวมากขึ้นโดยจะไปเพิ่มสัดส่วนในหุ้นเอเชียเพื่อโอกาสที่จะได้ประโยชน์ในระยะข้างหน้าจากการเจรจาการค้าที่มีแนวโน้มเป็นบวก
- มีการลดสัดส่วนตราสารหนี้ไทยบางส่วนหลังจากที่สร้างผลตอบแทนได้ดีก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะกระจายไปยังต่างประเทศมากขึ้น เช่น พันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกหลังจากที่เพิ่มพันธบัตรของสหรัฐฯไปแล้วก่อนหน้านี้เพื่อที่จะเพิ่มอายุเฉลี่ยของพอร์ต (Duration) ให้ยาวมากขึ้น ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยในระยะสั้นนี้ อีกทั้งกระจายไปยังตราสารหนี้ประเภท High Yield หรือ Non-Investment grade เล็กน้อยในช่วงที่ yield ปรับตัวขึ้นสูง
- มีการเพิ่มสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ เข้ามาในพอร์ตเพื่อกระจายการลงทุนมากขึ้น รวมถึงเพื่อเตรียมพร้อมรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า
การกระจายการลงทุนเป็น Key ที่ทำให้ผลตอบแทนฟื้นตัวได้ดี
ในเดือนพฤษภาคม 68 ที่ผ่านมา ผลตอบแทนกองทุน K-WealthPLUS Series ฟื้นตัวได้ดีตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดย K-WPBALANCED +1.5%, K-WPSPEEDUP +2.7% และ K-WPULTIMATE +3.5% ซึ่งผลตอบแทนที่เป็นบวกได้มาจากหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นสหรัฐฯ ที่กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนมากกว่าภูมิภาคอื่น หรือสัดส่วนในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นอินเดียและญี่ปุ่นที่กองทุนไปลงทุน ก็สร้างผลตอบแทนค่อนข้างดี รวมถึงสัดส่วนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศในพอร์ตที่ยังสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่อง

(ที่มา Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 68)
แม้การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะคลี่คลายลงไปเมื่อเทียบกับช่วงแรกที่มีการประกาศ Reciprocal Tariffs แต่ยังมีความไม่แน่นอนตามมาอีกหลายครั้งทั้งในเชิงบวกและลบ ซึ่งคาดว่าบรรยากาศการลงทุนเช่นนี้จะยังมีอยู่ตราบใดที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ยังคงดำรงตำแหน่ง โดยแนะนำให้ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งเน้นการกระจายการลงทุนไปในหลากหลายสินทรัพย์ ที่ได้ประโยชน์แตกต่างกัน ด้วยการลงทุนในกองทุน K-WealthPLUS Series