อยากลงทุนใน Nikkei 225? รู้จักดัชนีนิเคอิ 225 ดัชนีสำคัญของญี่ปุ่น วิธีลงทุนผ่านกองทุน ครบทุกทางเลือก: DW, Feeder Fund พร้อมคำแนะนำที่เหมาะกับคุณ

เจาะลึกหุ้นนิเคอิ 225 โอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น

อยากลงทุนใน Nikkei 225? รู้จักดัชนีนิเคอิ 225 ดัชนีสำคัญของญี่ปุ่น วิธีลงทุนผ่านกองทุน ครบทุกทางเลือก: DW, Feeder Fund พร้อมคำแนะนำที่เหมาะกับคุณ

กดฟัง
หยุด
  • Nikkei 225 คือดัชนีหุ้น 225 บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น ประกอบด้วยยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota, Sony, Nintendo ที่เป็นเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ Warren Buffett ให้ความสนใจ
  • นักลงทุนไทยมีทางเลือกลงทุนในดัชนีนิเคอิ 225 ตั้งแต่กองทุนฟีดเดอร์ กองทุนหุ้นญี่ปุ่น กองทุนหุ้นโลก และ Derivative Warrant ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ควรเลือกให้เหมาะกับสไตล์และเป้าหมายของตัวเอง

ในยุคที่การลงทุนข้ามประเทศกลายเป็นเทรนด์สำคัญ หลายคนหันมาสนใจตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยเฉพาะดัชนี Nikkei 225 ที่ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่สำหรับนักลงทุนไทยที่ยังไม่คุ้นเคย อาจมีคำถามว่าหุ้นนิเคอิ 225 คืออะไร และสามารถลงทุนผ่านช่องทางไหนได้บ้าง K WEALTH ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในดัชนีนิเคอิ 225 พร้อมเปรียบเทียบทางเลือกต่างๆ


ทำความรู้จัก Nikkei 225: ดัชนีที่สะท้อนเศรษฐกิจญี่ปุ่น

Nikkei 225 หรือ Nikkei Stock Average เป็นดัชนีหุ้นสำคัญที่สุดของญี่ปุ่น ประกอบด้วยหุ้น 225 บริษัทชั้นนำที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange) โดยดัชนีนี้ถูกคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคาหุ้น (Price-weighted Index) คล้ายกับ Dow Jones Industrial Average ของสหรัฐฯ


หุ้นที่อยู่ในดัชนีนิเคอิ 225 ครอบคลุมบริษัทยักษ์ใหญ่ที่คนทั่วโลกรู้จัก เช่น Toyota, Sony, SoftBank, Nintendo, Panasonic, และ Uniqlo (Fast Retailing) ซึ่งล้วนเป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและมีส่วนแบ่งการตลาดระดับโลก


ความแตกต่างระหว่าง Nikkei 225 และ TOPIX

หลายคนอาจสงสัยว่าดัชนี Nikkei 225 ต่างจากดัชนี TOPIX อย่างไร ความแตกต่างหลักอยู่ที่วิธีการคำนวณ โดย Nikkei 225 เป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักด้วยราคาหุ้น หมายความว่าหุ้นที่มีราคาสูงจะมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีมากกว่า ในขณะที่ TOPIX เป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาด (Market Cap-weighted


ทำไมนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ

การที่นักลงทุนระดับโลก รวมถึง Warren Buffett ให้ความสนใจหุ้นญี่ปุ่นมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ ญี่ปุ่นมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 4 ของโลก มีบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี การผลิต และนวัตกรรม อีกทั้งหลายบริษัทมีการปฏิรูปบรรษัทภิบาลเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้นักลงทุน ประกอบกับมูลค่าการลงทุนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดอื่น


วิธีการลงทุนในหุ้นนิเคอิสำหรับนักลงทุนไทย

สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจลงทุนในดัชนี Nikkei 225 มีทางเลือกหลายแบบ แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียและความเหมาะสมแตกต่างกัน เช่น


  1. กองทุนฟีดเดอร์ (Feeder Fund)

    เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงดัชนี Nikkei 225 โดยตรงแบบง่ายๆ

    กองทุนฟีดเดอร์คือ กองทุนที่นำเงินไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศที่ติดตามดัชนี Nikkei 225 โดยตรง ทำให้ผลตอบแทนเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนีมาก

    จุดเด่น
    • ติดตามดัชนี Nikkei 225 ได้ใกล้เคียงมาก
    • สะดวกในการซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์หรือธนาคารไทย
    • มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในบางกองทุน
    • ค่าธรรมเนียมต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนโดยตรง

  2. กองทุนหุ้นโลกที่รวมญี่ปุ่น

    เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในหลายประเทศ

    กองทุนจะลงทุนในหุ้นทั่วโลก รวมถึงหุ้นญี่ปุ่นด้วย ทำให้ได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่ไม่เสี่ยงกับการลงทุนกระจุกตัวในประเทศเดียว

    จุดเด่น
    • กระจายความเสี่ยงในหลายประเทศ
    • ได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
    • มีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ

  3. ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) (NIKKEI 41 DW)

    เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่มีประสบการณ์และต้องการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อ้างอิง

    DW หรือ Derivative Warrant เป็นตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น ดัชนี ในกรณีนี้คือ NIKKEI 41 DW เป็น DW ที่อ้างอิงดัชนี Nikkei 225

    จุดเด่น
    • เข้าถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ง่าย ไม่ต้องมีบัญชีซื้อขายหุ้นในต่างประเทศ
    • ต้นทุนต่ำ โดยมีต้นทุนต่ำกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง
    • ลงทุนได้ทั้งขาขึ้นและขาลง นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามสภาวะตลาด

เลือกลงทุนอย่างไรให้เหมาะสม

ตารางเปรียบเทียบ


คำแนะนำตามประสบการณ์และเป้าหมายการลงทุน

สำหรับมือใหม่ แนะนำเริ่มต้นด้วยกองทุนฟีดเดอร์หรือกองทุนหุ้นโลกที่รวมญี่ปุ่น เพราะเข้าใจง่าย มีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ และความเสี่ยงไม่สูงมากเกินไป


สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ สามารถพิจารณา DW เพื่อความยืดหยุ่นในการลงทุนมากขึ้น


สำหรับคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง เลือกกองทุนหุ้นโลกที่มีสัดส่วนหุ้นญี่ปุ่นอยู่ด้วย


สรุปข้อแนะนำสำหรับการลงทุน

จุดเด่นของดัชนีนิเคอิ 225

เศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก ญี่ปุ่นมีเศรษฐกิจที่มั่นคงและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ทำให้การลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นมีความน่าเชื่อถือสูง


บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม หุ้นใน Nikkei 225 ประกอบด้วยบริษัทที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี เช่น Sony, Nintendo, Panasonic ที่มีผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับทั่วโลก


มูลค่าการลงทุนที่น่าสนใจ หลังจากที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นผ่านช่วงซบเซาไปแล้ว ปัจจุบันมูลค่าหุ้นหลายตัวอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ประกอบกับรัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายสนับสนุนการปฏิรูปบรรษัทภิบาลเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้นักลงทุน


มุมมองการลงทุนโดย K WEALTH

K WEALTH มองว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัวลง โดย GDP ไตรมาส 1 หดตัว -0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าจากการบริโภคที่ชะลอลง และคำสั่งซื้อส่งออกที่อ่อนแรง ต้องเผชิญแรงกดดันจากดอกเบี้ยขาขึ้น เงินเฟ้อที่ยังสูง และความเสี่ยงด้านนโยบายการค้าต่างประเทศ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังขาดปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจนในการปรับตัวขึ้นในระยะข้างหน้า ทำให้ K WEALTH มีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น


ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ปัจจัยทางการเมือง และเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนและพิจารณาความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก่อนตัดสินใจลงทุน


หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-JP-A(D), K-JPX-A(A), K-JPX-C(A): ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-JP-A(D), K-JPX-A(A), K-JPX-C(A): ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-JPX-A(A), K-JPX-C(A): T+3
    • K-JP-A(D): T+4

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บลจ.กสิกรไทย, SET Investnow


คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTHสุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®

Back to top