-
BOJ คงดอกเบี้ยตามคาด โดยมีความเป็นไปได้สูงที่จะเริ่มการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงสิ้นปีนี้
-
การคงอัตราดอกเบี้ยและลดการซื้อคืนพันธบัตร สะท้อนการดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของญี่ปุ่นมีเสถียรภาพ
-
K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนหุ้นญี่ปุ่น ผู้ที่ถือยู่ยังคงถือต่อได้หากยังมีสัดส่วนการลงทุนไม่สูง หรือขายทำกำไรและนำเงินไปลงทุนกองทุนหุ้นอื่น เช่น K-GSELECT K-INDIA K-GHEALTH
Market Update
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ตามที่ตลาดคาด โดยมติจากคณะกรรมการนโยบายการเงินได้สะท้อนถึงความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน
สำหรับการซื้อพันธบัตร BOJ ยังคงยืนยันการลดการซื้อพันธบัตรลง โดยตั้งแต่เดือนเมษายน 2026 ถึงมีนาคม 2027 จะลดการซื้อพันธบัตรไตรมาสละ 200 พันล้านเยน จากเดิมที่เดือนละ 400 พันล้านเยน ซึ่งสะท้อนว่า BOJ ต้องการหลีกเลี่ยงความผันผวนในตลาดตราสารหนี้และป้องกันผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของรัฐบาล
และแม้ในแถลงการณ์จะไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต แต่ข้อมูลเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าคาด สะท้อนความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะไม่ลดลงตามกรอบเป้าหมายของ BOJ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ BOJ จะเริ่มการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงสิ้นปีนี้ ตามการคาดการณ์ของ Capital Economics เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ดัชนีและสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง (วันที่ 16 มิ.ย. 2025 ณ 11.14 น.)
- Nikkei 225: +0.52%เทียบกับวันก่อนหน้า
- TOPIX: +0.48%เทียบกับวันก่อนหน้า
- USD/JPY: 157.30 (+0.15%เทียบกับวันก่อนหน้า)
Market Outlook
การคงอัตราดอกเบี้ยและลดการซื้อคืนพันธบัตร ตามคาดเป็นการดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังของ BOJ เพื่อให้ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของญี่ปุ่น ยังคงมีเสถียรภาพ ไม่เกิดความกังวลต่อการดำเนินนโยบายเหมือนในช่วงเหตุการณ์ Black Monday เมื่อปี 2024
ดังนั้น K WEALTH มีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยในระยะสั้นยังมีแรงกดดันจากทั้ง
- ประเด็นสงครามการค้า ที่การเจรจายังไม่ชัดเจน
- ทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่จากทิศทางเงินเฟ้อยังคงเกินกรอบเป้าหมาย
- ความเสี่ยงทางด้านการเมืองผ่านการเลือกตั้งสภาสูงในเดือน ก.ค.ที่ พรรคฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะมีการทำนโยบายประชานิยมผ่านการลดภาษีการบริโภคลงและแจกเงินให้กับประชาชนโดยตรง ซึ่งอาจทำให้มีการขาดดุลการคลังเพิ่มเติม ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในภาคการคลังของญี่ปุ่น
- แต่ในระยะยาวยังมีปัจจัยบวก จากการทำ corporate reform การซื้อหุ้นคืน และ Valuation อยู่ในระดับ Fair Value
คำแนะนำ
- สำหรับผู้ที่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นญี่ปุ่นอยู่: เช่น K-JP-A(D), K-JPX-A(A)
- หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำคงสัดส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นญี่ปุ่นได้
- หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% หรือกำไรมากกว่า 10% แนะนำหาจังหวะขายทำกำไรกองทุนหุ้นญี่ปุ่นบางส่วน (Take Profit) เพื่อปรับพอร์ตให้สมดุลตามเป้าหมายการลงทุน หรือนำเงินไปลงทุนในกองทุนหุ้นแนะนำอื่นของ K WEALTH เช่น K-GSELECT K-INDIA K-GHEALTH
- สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นญี่ปุ่น แนะนำลงทุนในกองทุนแนะนำอื่น ดังนี้
- ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถทยอยเข้าลงทุนในกองทุนที่มีศักยภาพเติบโตระยะยาว เช่น:
- ประเทศเศรษฐกิจขยายตัวสูง: เข้าลงทุนผ่านกองทุน K-INDIA และ K-VIETNAM
- Sector ที่มีความทนทานต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจ: เช่น กลุ่ม Global Healthcare ผ่านกองทุน K-GHEALTH, และกลุ่ม Global Infrastructure ผ่านกองทุน K-GINFRA
- กองทุนหุ้นโลกที่เน้นคัดเลือกหุ้นคุณภาพดี พื้นฐานแข็งแกร่ง ผ่านกองทุน K-GSELECT
- ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงต่ำ แนะนำ
- ทยอยเข้าลงทุนกองทุนผสม K WealthPLUS Series เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ที่มีการกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายทั่วโลก
- K-FIXEDPLUS-A ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว เหมาะกับการลงทุน 1 – 1.5 ปีขึ้นไป
- ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำลงทุนในกองทุนตลาดเงินหรือตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS-A ที่เหมาะกับการพักเงิน 3-6 เดือน ราคาผันผวนต่ำ
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-GSELECT, K-GHEALTH, K-GINFRA-A(D), K-INDIA, K-VIETNAM, K-JP-A(D), K-JPX-A(A) ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-GSELECT, K-VIETNAM: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- K-GHEALTH, K-GINFRA-A(D), K-INDIA, K-JP-A(D), K-JPX-A(A): ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFPLUS: T+1
- K-FIXEDPLUS-A: T+2
- K-GSELECT, K-JPX-A(A): T+3
- K-GHEALTH, K-GINFRA-A(D), K-INDIA, K-JP-A(D): T+4
- K-VIETNAM: T+5
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6