สหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เปลี่ยนจุดยืนที่สำคัญ โดยเข้าร่วมในการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน

ประเด็นร้อน : ความตึงเครียดสหรัฐฯ-อิหร่านปะทุ จับตาความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์

สหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เปลี่ยนจุดยืนที่สำคัญ โดยเข้าร่วมในการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน

กดฟัง
หยุด
  • ทรัมป์เปิดฉากโจมตีโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน จุดชนวนความตึงเครียดในตะวันออกกลาง สะเทือนตลาดพลังงานและสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
  • ความไม่แน่นอนในช่องแคบฮอร์มุซอาจดันน้ำมันทะลุ $130 ส่งแรงกดดันต่อเงินเฟ้อและลดโอกาสใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย
  • ราคาน้ำมันและทองคำมีแนวโน้มที่จะผันผวนในระยะสั้นเนื่องจากความกังวลด้านอุปทาน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มระยะกลางยังคงขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางการทูต
  • แม้ความขัดแย้งมีโอกาสบานปลายจำกัด แต่เพื่อบริหารความเสี่ยง นักลงทุนควรกระจายพอร์ตผ่านกองทุนผสมอย่าง K WealthPLUS Series และกองทุนตราสารหนี้เพื่อลดผลกระทบจากความไม่แน่นอน

ทรัมป์โจมตีโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน กระทบตลาดพลังงานโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจเปลี่ยนนโยบายสำคัญ เปิดฉากโจมตีโครงการนิวเคลียร์หลัก 3 แห่งของอิหร่าน ได้แก่ Fordow, Natanz และ Isfahan เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประสานกำลังกับอิสราเอล เพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างหนักหน่วง


สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับทั่วโลก คือ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ขัดแย้งกับจุดยืนเดิมของทรัมป์ ที่พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางทหารในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเคยยกเลิกคำสั่งโจมตีอิหร่านในปี 2019 เพื่อเลี่ยงการปะทะเต็มรูปแบบ


ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ ความตึงเครียดในภูมิภาคที่อาจกระทบเสถียรภาพของตลาดพลังงานโลก Bloomberg Economics เตือนว่า หากความขัดแยงลุกลามจนทำให้ช่องแคบฮอร์มุซถูกปิด ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันสำคัญของโลก ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งทะลุ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จุดชนวนให้เศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อเผชิญความเสี่ยงรอบใหม่


ขณะที่ในสหรัฐฯ เอง การตัดสินใจของทรัมป์จุดกระแสความไม่พอใจในสภา สมาชิกจากทั้งสองพรรคเริ่มออกมาตั้งคำถามถึงขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดีในการประกาศใช้กำลังทหาร โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส


Related Indices & Funds

  • Gold -0.22%
  • Crude Oil WTI +2.06%
  • Brent Oil + 1.89%

(ข้อมูล ณ วันที่ 23 มิ.ย. 2025 ณ เวลา 9.27 น.)


มุมมองต่อเศรษฐกิจและการลงทุน

ความตึงเครียดในตะวันออกกลางทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มผันผวนสูง ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและทองคำในระยะสั้น ขณะเดียวกันอาจเพิ่มแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วโลก และลดโอกาสที่ธนาคารกลางจะปรับลดดอกเบี้ย โดยความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ยังทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง และหันมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล ทองคำ และเงินสด เพื่อป้องกันความผันผวนของตลาด


แม้ดอลลาร์สหรัฐอาจได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ความไม่แน่นอนในระดับโลกอาจกดดันดัชนีหุ้นทั่วโลก นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมปรับพอร์ตการลงทุนอย่างยืดหยุ่น และทยอยเข้าลงทุนในจังหวะที่เหมาะสมเพื่อบริหารความเสี่ยง


คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้น
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำถือเพื่อรอติดตามพัฒนาการในระยะสั้น
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้น
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6




คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

KWEALTH

Back to top