-
ตลาดหลักทรัพย์ได้ออกมาตรการควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้นท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้
-
ตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง จากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะความไม่มั่นคงทางการเมือง และปัจจัยภายนอกอย่างความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
-
พื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังเปราะบาง ประกอบกับความกังวลเรื่องความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ K WEALTH จึงคงมุมมอง Slightly Negative ต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงเวลานี้ พร้อมแนะนำให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
SET คุมเข้ม ปรับกรอบราคาหุ้นลดความเหวี่ยง
เมื่อวานนี้ SET ออกมาตรการด่วน เพื่อรับมือความผันผวนในตลาดหุ้น ตั้งแต่ 23-27 มิ.ย. 68 นี้ มีอะไรเปลี่ยนดังนี้
SET & mai:
- ขยายกรอบราคาซื้อขาย (Ceiling/Floor) ลดลงเหลือแค่ ±15% (จากเดิม ±30%)
- รอบราคาที่ปรับแบบไดนามิก (Dynamic Price Band) ก็หดลง เหลือ ±5% จากราคาล่าสุด (จากเดิม ±10%)
TFEX:
- เพดานราคาซื้อขายล่วงหน้าของพวก Index Futures, Options, Sector Futures และ Single Stock Futures ลดลงครึ่งหนึ่งเช่นกัน เหลือ ±15%
Related Indices & Funds
- SET -0.95%
- SET50 -0.89%
- MAI -1.20%
(ข้อมูล ณ วันที่ 23 มิ.ย. 2025 ณ เวลา 10.35 น.)
มุมมองต่อเศรษฐกิจและการลงทุน
มาตรการล่าสุดของตลาดหลักทรัพย์สะท้อนความกังวลในการควบคุมความเสี่ยงและรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้นไทย โดย K WEALTH มองว่าความผันผวนยังคงมีอยู่ในระยะสั้น จากปัจจัยในประเทศ ทั้งเสถียรภาพทางการเมืองที่ยังไม่มั่นคง และความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง ทำให้ K WEALTH ยังคงมุมมอง Slightly Negative ต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ นักลงทุนจึงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอ
คำแนะนำการลงทุน
- สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นไทย
- หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
- หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำถือเพื่อรอติดตามพัฒนาการในระยะสั้น
- สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย
- นักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย แนะนำชะลอการลงทุน
- เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
- แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
- สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-STAR-A, K-VALUE ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- K-STAR-A, K-VALUE: ไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFPLUS: T+1
- K-FIXEDPLUS-A: T+2
- K-STAR-A, K-VALUE: T+3
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6