ประเด็นร้อน : ทรัมป์ประกาศ อิสราเอลและอิหร่าน ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้ว

สถานการณ์ตะวันออกกลางคลี่คลายรวดเร็ว ตลาดตอบรับบวก

จุดเปลี่ยนสำคัญ:

• ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศผ่าน Truth Social ว่า
  • อิหร่านและอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงแบบ “สมบูรณ์และถาวร”
  • หลังเหตุการณ์อิสราเอลและสหรัฐฯ ร่วมโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่าน
  • อิหร่านตอบโต้ด้วยขีปนาวุธใส่ฐานทัพสหรัฐฯ ในกาตาร์

ปฏิกิริยาอิหร่าน:

• รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ปฏิเสธว่าข้อตกลงยังไม่เป็นทางการ
• แต่ยืนยันว่าจะ ไม่โจมตีเพิ่มเติม หากอิสราเอลยุติการโจมตีภายในเวลา 04.00 น. (เวลาท้องถิ่นเตหะราน)
• ทำให้ความเสี่ยงการปะทะลุกลาม ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ผลกระทบต่อตลาดพลังงานและการเงิน

น้ำมันดิบ WTI:

• ร่วงทันทีกว่า 6% ในตลาดเอเชีย
• ต่ำกว่าระดับก่อนเกิดความตึงเครียด 2 สัปดาห์ก่อน
• กังวลเรื่อง Supply Shock ผ่อนคลายลง
• นักลงทุนกลับไปโฟกัส ปัจจัยพื้นฐาน เช่น
  • ความต้องการใช้น้ำมัน
  • แนวโน้มการเพิ่มกำลังผลิตของ OPEC+

ตลาดหุ้นโลก:

• S&P500 Futures ขยับบวก +0.5%
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่น-ออสเตรเลีย เปิดบวกตาม Sentiment ที่ดีขึ้น

ค่าเงินดอลลาร์:

• อ่อนค่าลงเทียบสกุลหลัก
• จากแรงขาย สินทรัพย์ปลอดภัย ที่เริ่มคลายตัว

Related Indices & Funds

• Dow Jones Futures +0.50%
• S&P500 Futures +0.55%
• Nasdaq Futures 0.79%
• WTI Oil -1.25%
• Gold -0.95

(ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิ.ย. 2025 ณ เวลา 8.50 น.)

แนวโน้มตลาดหลังข่าวหยุดยิง

ความเสี่ยงยังไม่หมด:

แม้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะลดลงจากข่าวหยุดยิง แต่อีกหลายปัจจัยยังคงเป็นความเสี่ยงในระยะข้างหน้า เช่น

• เงื่อนไขเกี่ยวกับ โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
• ท่าทีของ อิสราเอล ว่าจะเคารพข้อตกลงหยุดยิงหรือดำเนินการโจมตีเชิงป้องกัน
• ความไม่แน่นอนนี้ยังคง กดดันราคาน้ำมันและทองคำให้ผันผวน

ทิศทางการลงทุน

ตลาดหุ้น:

• ข่าวหยุดยิงช่วย ลดความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์
• นักลงทุนเริ่มหันกลับมาโฟกัสที่ปัจจัยเศรษฐกิจ เช่น
  • แนวโน้ม เงินเฟ้อ ที่อาจผ่อนคลายตามราคาน้ำมัน
  • ทิศทาง นโยบายการเงินของ Fed ที่ยังไม่ชัดเจน
  • การเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ ข้อตกลง Reciprocal Tariff ในต้นเดือน ก.ค.

มุมมองจาก K WEALTH:

• แม้มีข่าวดีเรื่องหยุดยิง แต่ภาพรวมยังเผชิญ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการค้าโลก
• นักลงทุนควร กระจายความเสี่ยง ผ่านกองทุนผสมที่หลากหลาย เช่น
  • K WealthPLUS Series ที่มีสัดส่วนลงทุนในหุ้นเพื่อคว้าโอกาส หากสถานการณ์ชัดเจนขึ้น
  • รวมถึง ตราสารหนี้ เพื่อป้องกันความผันผวน

คำแนะนำการลงทุน

• สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้น
  • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
  • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำถือเพื่อรอติดตามพัฒนาการในระยะสั้น
• สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้น
  • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
  • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
  • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:

• ระดับความเสี่ยงกองทุน
  • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
  • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
• นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
  • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
  • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
  • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
• ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
  • K-SFPLUS: T+1
  • K-FIXEDPLUS-A: T+2
  • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6