ในช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็นข่าวของบุคคลที่คิดไม่ถึงว่าต้องเผชิญกับการวินิจฉัยโรคมะเร็งปอด แม้จะดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ไม่สูบบุหรี่ และมีสุขภาพที่แข็งแรง ขณะเดียวกัน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นนักวิ่งที่มีร่างกายแข็งแรงก็เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดเช่นกัน สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจเราให้ตระหนักว่า "แค่หายใจ ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งปอดได้" ไม่ว่าเราจะดูแลสุขภาพดีแค่ไหน ความเสี่ยงยังคงอยู่รอบตัวเราในลักษณะที่คาดการณ์ไม่ได้
สถิติน่าตกใจ: ผู้หญิงเอเชียไม่สูบบุหรี่ป่วยมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น
สถิติจากงานวิจัยทางการแพทย์เผยให้เห็นข้อมูลที่น่าเป็นห่วง เมื่อผู้หญิงเอเชียที่ไม่สูบบุหรี่เป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 40% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา การค้นพบนี้ทำลายความเข้าใจเดิมๆ ที่คิดว่ามะเร็งปอดเกิดขึ้นกับผู้สูบบุหรี่เท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น การวิจัยยังระบุว่า ประมาณ 30-40% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดในเอเชียมีการกลายพันธุ์ของยีน EGFR ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าประชากรชาวตะวันตกอย่างมีนัยสำคัญ และส่วนใหญ่พบในผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่
สาเหตุใหม่ที่ต้องรู้
-
ยีนส์กลายพันธุ์ EGFR ที่พบในคนเอเชีย 50-60%
ยีน EGFR (Epidermal Growth Factor Receptor) เป็นยีนที่อยู่บนผิวเซลล์ทำหน้าที่ควบคุมการแบ่งตัวและรักษาสมดุลของเซลล์ แต่เมื่อเกิดการกลายพันธุ์ ยีนนี้จะสูญเสียการควบคุมสมดุลในเซลล์ นำไปสู่การเพิ่มตัวของเซลล์ผิดปกติอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นมะเร็งปอด
สิ่งที่น่าตกใจคือ คนเอเชียพบการกลายพันธุ์ของยีน EGFR สูงถึง 50-60% โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งสูงกว่าประชากรกลุ่มอื่นอย่างชัดเจน
-
PM 2.5 สะสมในปอดระยะยาว
ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 สามารถเจาะเข้าถึงถุงลมปอดและสะสมในระยะยาว การสัมผัส PM 2.5 อย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในปอด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดมะเร็งปอด
-
ฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิง
การวิจัยพบว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งปอดในผู้หญิง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มียีน EGFR กลายพันธุ์ ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมผู้หญิงเอเชียจึงมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ชาย
-
ควันจากการทำอาหาร
ควันจากการทอด ผัด หรือการปรุงอาหารด้วยความร้อนสูงในครัวที่ระบายอากาศไม่ดี สามารถสร้างสารก่อมะเร็งเข้าสู่ปอดได้ ผู้หญิงที่ทำอาหารเป็นประจำจึงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ค่าใช้จ่ายการรักษา: ภาระที่หนักหน่วง
การรักษามะเร็งปอดมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและวิธีการรักษา
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
- การรักษาด้วยเคมีบำบัด 50,000-100,000 บาทต่อรอบการรักษา (แต่ละรอบใช้เวลา 4-6 สัปดาห์)
- การรักษาด้วยรังสี สูงถึง 200,000 บาทต่อรอบการรักษา
- ยามุ่งเป้าสำหรับผู้ที่มียีน EGFR กลายพันธุ์ 200,000 บาทต่อเข็ม
- การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) 3-15 ล้านบาท
รวมค่าใช้จ่ายตลอดการรักษา 800,000 – 2,000,000 บาทต่อปี ยังไม่รวมค่าตรวจติดตาม ค่าห้องพัก ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
การเตรียมพร้อมทางการเงิน
จากตัวเลขข้างต้น จะเห็นได้ว่าค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งปอดนั้นสูงมาก หากไม่มีการเตรียมความพร้อมทางการเงิน ผู้ป่วยและครอบครัวอาจต้องเผชิญกับภาระหนี้สินที่หนักหน่วงหรือไม่สามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุดได้ ประกันโรคร้ายแรงจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินจากโรคที่ไม่คาดคิด
เปรียบเทียบแพ็กเกจประกันโรคร้ายแรง
จากการที่ค่ารักษามะเร็งปอดมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 800,000 – 2,000,000 บาทต่อปี การเลือกประกันโรคร้ายแรงที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง K WEALTH นำเสนอทางเลือกประกันโรคร้ายแรง 2 แพ็กเกจที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน
ประกันโรคร้ายแรง เลือกได้ตามใจ - "คุ้มครองแบบ Customize"
ผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเลือกความคุ้มครอง ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันสำหรับโรคที่ไม่จำเป็น แต่ได้วงเงินคุ้มครองสูงสำหรับโรคที่ต้องการป้องกัน
ความพิเศษที่ไม่เหมือนใครในตลาด
- ปรับแต่งได้เหมือนสั่งทำพิเศษ เลือกเฉพาะกลุ่มโรคที่ต้องการ (มะเร็ง/หัวใจ/ระบบประสาทและสมอง/12โรคร้ายแรง) ไม่ต้องจ่ายสำหรับโรคร้ายแรงที่ไม่ต้องการ
- คุ้มครองสูงสุด 2 ล้านบาท ครอบคลุมค่ารักษามะเร็งปอด
- คุ้มครองครอบคลุม ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น-รุนแรง
- ระยะรุนแรงรับเงินก้อน 2 เท่า
- สมัครง่ายผ่านออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
เหมาะสำหรับ: คนรุ่นใหม่ที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย แต่ได้ความคุ้มครองครบตามต้องการ
ประกันโรคร้ายแรง ไม่เคลมมีคืน - "ได้ครบทั้งคู่ ป้องกัน+ออม"
สำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจทั้งการป้องกันโรคร้ายและการสร้างเงินออม ผลิตภัณฑ์นี้รวมประโยชน์ 2 อย่างไว้ในที่เดียว ด้วยเบี้ยประกันคงที่ตลอดชีวิตและสิทธิได้รับเงินคืนหากไม่มีการเคลม
ผลิตภัณฑ์ไฮบริดที่ตอบโจทย์ 2 ความต้องการ
- คุ้มครอง โรคร้ายแรงยอดฮิต รวมโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคระบบประสาทและสมอง โรคไต
- รับเงินก้อนสูงสุด 1 ล้านบาท เพียงพอสำหรับการรักษาขั้นต้นและฉุกเฉิน
- คุ้มครองครอบคลุม ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น-รุนแรง
- มีเงินคืนให้ทุก 5 ปี รับเบี้ยคืนทุกๆ 5 ปี หากไม่มีการเคลม
- เบี้ยประกันคงที่ตลอดชีวิต ไม่ปรับขึ้นตามอายุ วางแผนการเงินได้แม่นยำ
- สมัครง่ายผ่านออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพียงตอบคำถามสุขภาพง่ายๆ
- ประโยชน์คู่: ป้องกันโรคร้าย + สร้างเงินออมระยะยาว
เหมาะสำหรับ: คนที่ชอบความแน่นอน ต้องการทั้งความคุ้มครองและการออมเงิน
บริการเสริม Health Buddy - "บริการเสริมด้านสุขภาพที่จะทำให้คุณมั่นใจเรื่องสุขภาพ"
ในยุคที่การดูแลสุขภาพต้องการความรวดเร็วและความเชี่ยวชาญ บริการ Health Buddy คือผู้ช่วยด้านสุขภาพแบบครบวงจรจากเมืองไทยประกันชีวิต โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- ปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์ ผ่านทางโทรศัพท์ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
- รับคำแนะนำเรื่องยา โดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ
- รับสิทธิพิเศษจากโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ
ความไม่แน่นอนด้านสุขภาพเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด แม้จะดูแลสุขภาพดีเพียงใดก็ตาม การเตรียมพร้อมทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การมีประกันโรคร้ายแรงที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยลดภาระทางการเงินเมื่อเจ็บป่วย แต่ยังให้ความมั่นใจในการเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
เมืองไทยประกันชีวิต