อัปเดตราคาทองล่าสุด วิเคราะห์ปัจจัยเศรษฐกิจโลก แนวรับแนวต้าน แนวโน้มราคาทองปี 2025 พร้อมแนะนำกลยุทธ์ลงทุนสำหรับผู้เริ่มต้นและวิธีซื้อ-ขายทองออนไลน์ผ่าน K PLUS แบบปลอดภัย

แนวโน้มราคาทองปี 2025 วิเคราะห์ปัจจัยเชิงลึก พร้อมกลยุทธ์การลงทุนทองคำ

อัปเดตราคาทองล่าสุด วิเคราะห์ปัจจัยเศรษฐกิจโลก แนวรับแนวต้าน แนวโน้มราคาทองปี 2025 พร้อมแนะนำกลยุทธ์ลงทุนสำหรับผู้เริ่มต้นและวิธีซื้อ-ขายทองออนไลน์ผ่าน K PLUS แบบปลอดภัย

กดฟัง
หยุด
  • ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในครึ่งปีหลัง 2025 ด้วยราคาที่ปรับตัวขึ้นมากกว่า 50,000 บาทต่อบาททองคำ จากปัจจัยหนุนที่ยังคงแข็งแกร่ง ทั้งนโยบายดอกเบี้ยขาลง ความอ่อนแอของเงินดอลลาร์ และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
  • MTS Gold บน PLUS เปิดโอกาสให้ทุกคนลงทุนทองคำได้ง่ายขึ้น เริ่มต้นเพียง 10 USD หรือประมาณ 350 บาท ไม่มีค่าธรรมเนียม ซื้อขายได้เกือบ 24 ชั่วโมง พร้อมความปลอดภัย ทำให้การลงทุนทองคำไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ราคาทองคำครึ่งปีแรกของปี 2025 ได้สร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนหลายคนตั้งคำถามว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025 ราคาทองจะเป็นอย่างไร การลงทุนทองคำในช่วงนี้ยังน่าสนใจหรือไม่ และมีกลยุทธ์ใดที่เหมาะสำหรับมือใหม่ บทความนี้ K WEALTH จะมาไขข้อสงสัย พร้อมแนะนำแนวทางการลงทุนที่สะดวก ปลอดภัยและทันสมัยในปัจจุบัน


ภาพรวมราคาทองวันนี้และปัจจัยที่ส่งผลในครึ่งปีหลัง 2025

สถานการณ์ราคาทองปัจจุบัน

ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ราคาทองคำในประเทศไทยขายออกที่ราคา 51,300 บาทต่อบาททอง สำหรับทองคำแท่ง 96.5% ขณะที่ทองรูปพรรณขายออกที่ราคา 52,100 บาทต่อบาททอง แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำในตลาดไทย ซึ่งสะท้อนแนวโน้มเดียวกับทองคำในตลาดโลกที่ยังคงได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญหลายประการ


ปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อราคาทอง
  1. นโยบายการเงินของธนาคารกลาง ธนาคารกลางหลายประเทศ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ได้นำนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดดอกเบี้ยนโยบายทำให้เงินตราอ่อนค่าลง ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพื่อป้องกันการสูญเสียมูลค่า
  2. ความผันผวนของเงินดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ความเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากราคาทองคำถูกกำหนดด้วยเงินดอลลาร์ เมื่อใดที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองคำจึงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวัดในสกุลเงินอื่น ความสัมพันธ์แบบผกผันนี้จึงเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่มีผลต่อความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์
  3. ภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางการเมือง สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่อาจกลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง สถานการณ์เหล่านี้ล้วนทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยง และทองคำยังคงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยม
  4. การเก็งกำไรจากกองทุน ETF แรงหนุนจากนักลงทุนสถาบันและกองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับทองคำถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ การที่กองทุนเหล่านี้เพิ่มการถือครองทองคำในพอร์ตการลงทุนส่งผลให้อุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง นักลงทุนจึงหันมาลงทุนในทองคำเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่มั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น

วิเคราะห์แนวโน้มทองคำในอนาคต

K WEALTH มองว่าแนวโน้มตลาดทองคำยังคงมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว แม้จะเผชิญแรงกดดันระยะสั้นจากการปรับฐานซึ่งเป็นผลจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้า การยุติความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอล รวมถึงแรงขายทำกำไรของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยหนุนให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกัน แรงซื้ออย่างต่อเนื่องจากธนาคารกลางในหลายประเทศยังช่วยสนับสนุนแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาว


"ทองมีโอกาสลงไหม?" – วิเคราะห์ความเสี่ยง


แม้แนวโน้มโดยรวมจะเป็นบวก แต่นักลงทุนควรระวังปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันราคาทองคำ ได้แก่

  • การปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างกะทันหันจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ
  • การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว
  • การคลายตัวของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
  • การขายทำกำไรจากนักลงทุนเมื่อราคาถึงจุดสูงสุดใหม่

จะลงทุนทองตอนนี้ดีไหม? กลยุทธ์และคำแนะนำสำหรับมือใหม่

วิธีแบ่งเงินลงทุนอย่างปลอดภัย

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ K WEALTH แนะนำให้จัดสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม

  • จัดสรรสัดส่วนทองคำไม่เกิน 5% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
  • ใช้กลยุทธ์การทยอยลงทุน (Dollar Cost Averaging) เพื่อเฉลี่ยต้นทุน
  • ลงทุนระยะยาวมากกว่า 3-5 ปี
  • ไม่ควรนำเงินที่ต้องใช้ในระยะสั้นมาลงทุน
  • ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและการเมืองโลกอย่างสม่ำเสมอ

เปรียบเทียบ: ทองจริง vs ทองดิจิทัล
ทองจริง (ทองแท่ง/เครื่องประดับ)
  • ข้อดี สามารถถือครองได้จริง มูลค่ายังคงอยู่
  • ข้อเสีย มีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา มีความเสี่ยงจากการขโมย ซื้อขายไม่สะดวก

ทองดิจิทัล
  • ข้อดี ซื้อขายง่าย ไม่มีปัญหาการเก็บรักษา สามารถลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อย
  • ข้อเสีย ไม่สามารถถือครองทองจริงได้ ต้องพึ่งพาระบบเทคโนโลยี

MTS Gold บน PLUS ทางเลือกใหม่: ซื้อ-ขายทองดิจิทัลผ่าน K PLUS ง่าย และมั่นใจ

MTS Gold บน PLUS คืออะไร? เหมาะกับใคร?

บริการซื้อขายทองคำดิจิทัลผ่านแอป K PLUS ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนยุคใหม่


เหมาะสำหรับ
  • มือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนทองด้วยเงินจำนวนน้อย
  • นักลงทุนที่ต้องการความสะดวกในการซื้อขาย
  • ผู้ที่ไม่ต้องการเก็บรักษาทองคำ

จุดเด่นของ MTS Gold บน PLUS
  1. เริ่มต้นลงทุนง่าย ให้คุณเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 10 USD หรือประมาณ 350 บาท โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย และกระบวนการสมัครใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
  2. ความสะดวกสูงสุด สามารถซื้อขายทองได้ทุกวันทำการเกือบ 24 ชั่วโมง (เวลา 7.00-3.00 น.) ยกเว้นวันหยุดตามตลาดทองสากล ด้วยราคาที่อัปเดตแบบ Real Time และทำรายการผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกที่ตามความต้องการ
  3. ความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ จากการร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทยและแม่ทองสุก (MTS Gold) บริษัทชั้นนำด้านทองคำ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยระดับธนาคารที่ไว้วางใจได้
  4. ความยืดหยุ่นสูง ให้ความยืดหยุ่นในการถอนเป็นทองเมื่อต้องการ แปลงเป็นเงินสดได้ทันที และไม่มีการผูกมัดระยะเวลาใดๆ

การเริ่มต้นใช้งานบริการซื้อ-ขาย-ถอนทองคำ บน K PLUS



ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในปี 2025 โดยเฉพาะในบทบาทของการกระจายความเสี่ยงและป้องกันเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรมีความรู้ความเข้าใจและวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ


สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนทองคำ MTS Gold บน PLUS ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยความสะดวก ปลอดภัย และเข้าถึงได้ง่าย ทำให้การลงทุนทองคำเป็นเรื่องไม่ยากอีกต่อไป


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บลจ.กสิกรไทย