-
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9:0 รับคำร้องวินิจฉัยสถานภาพ “แพทองธาร” กรณีคลิปเสียงสนทนากับ “ฮุน เซน” ซึ่งอาจกระทบต่ออธิปไตยไทย
-
ศาลมีมติ 7:2 ให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2568 จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
-
K WEALTH แนะระมัดระวังการลงทุนในหุ้นไทย จากความไม่แน่นอนทางการเมือง และให้น้ำหนักบวกกับกองทุนตราสารหนี้ไทยคุณภาพดี รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง
ศาลฯ สั่งให้นายกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ปมข้อสงสัยกระทบอธิปไตย
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 รับคำร้องของประธานวุฒิสภา กรณีสมาชิกวุฒิสภา 36 คนยื่นขอให้วินิจฉัยสถานภาพของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 และ 170
สาเหตุจากคลิปเสียงสนทนากับ “สมเด็จฮุน เซน” ผู้นำกัมพูชา ที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ซึ่งถูกกล่าวหาว่าอาจมีเนื้อหากระทบต่ออธิปไตยไทย และพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ศาลเห็นว่าคำร้องมีมูลเพียงพอ จึงรับไว้พิจารณา พร้อมสั่งให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงภายใน 15 วัน และมีมติ 7 ต่อ 2 ให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด
Related Indices & Funds
- ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าปิดที่ระดับ 1,092.13จุด +2.57 จุด (+0.24%)
(ข้อมูล ณ วันที่ 1 ก.ค. 2025)
มุมมองการลงทุน
- K WEALTH มีมุมมอง Slightly Negative ต่อตลาดหุ้นไทย โดยในระยะสั้นความผันผวนยังคงอยู่ จากปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะเสถียรภาพทางการเมืองซ้ำเติมพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง และปัจจัยนอกประเทศจากทั้งประเด็นสงครามการค้า และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
- K WEALTH ยังมีมุมมอง Slightly Positive ต่อกองทุนตราสารหนี้ไทยคุณภาพดี ที่มีสภาพคล่องสูง และความผันผวนต่ำ อีกทั้งยังได้ปัจจัยหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง โดยประเมินว่ากนง. จะลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในไตรมาส 4ปีนี้
สิ่งที่ต้องระมัดระวัง
- เพิ่มความระมัดระวัง ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจนำไปสู่แรงขายจากนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะต่างชาติ
- กลุ่มหุ้นใหญ่ใน SET50 อาจถูกขายเพื่อลดความเสี่ยง (เช่น กลุ่มธนาคาร, พลังงาน, อสังหาฯ)
คำแนะนำการลงทุน
- สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นไทย
- หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
- หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำถือเพื่อรอติดตามพัฒนาการในระยะสั้น
- สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย
- สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย ยังไม่แนะนำให้ลงทุน
- เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
- แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
- สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- K-STAR-A, K-VALUE: ไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFPLUS: T+1
- K-FIXEDPLUS-A: T+2
- K-STAR-A, K-VALUE: T+3
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6