-
ทรัมป์ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนาม โดยสหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม 20% และสินค้าจากประเทศอื่นที่ผ่านเวียดนาม 40% ขณะที่เวียดนามยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เป็น 0%
-
ข้อตกลงดังกล่าวสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อเวียดนาม ในฐานะฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาค โดยจะมีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ก.ค. 68
-
K WEALTH ประเมินว่าเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นเวียดนามระยะสั้น และแนะนำให้นักลงทุนติดตามรายละเอียดข้อตกลงอย่างใกล้ชิด รวมถึงท่าทีจากประเทศคู่ค้าต่อไป
สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนาม หนุน Sentiment ตลาด
เมื่อคืนวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศผ่าน Truth Social ว่าสหรัฐฯ และเวียดนามได้บรรลุข้อตกลงการค้าเป็นที่เรียบร้อย หลังจากการเจรจาเข้มข้นตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนถึงเส้นตายการเจรจาในสัปดาห์หน้า
ภายใต้ข้อตกลงนี้ สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามในอัตรา 20% และเพิ่มภาษีเป็น 40% สำหรับสินค้าที่ส่งผ่านเวียดนามจากประเทศที่สาม (transshipping) ขณะที่เวียดนามตกลงยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเรียกเก็บในอัตรา 0%
รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่าจะยังคงเดินหน้าความร่วมมือในการแก้ไขประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศอย่างใกล้ชิดต่อไป
Related Indices & Funds
- Dow Jones -0.02%
- S&P500 +0.47%
- Nasdaq +0.94%
- VN Index +0.49%
(ข้อมูล ณ 2 ก.ค. 2025)
มุมมองการลงทุน
การเปิดเผยรายละเอียดข้อตกลงโดยประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลให้เกิด Sentiment เชิงบวกต่อเวียดนามในฐานะศูนย์กลางการผลิตสำคัญในภูมิภาค และสร้างความคาดหวังเชิงบวกต่อภาพรวมของการเจรจาการค้าระดับโลกในช่วงเวลานี้
อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอติดตามรายละเอียดข้อตกลงอย่างเป็นทางการซึ่งจะเปิดเผยในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ โดยจะรวมถึงกรอบความร่วมมือทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกด้วย
K WEALTH ประเมินว่าข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามในระยะสั้น พร้อมแนะนำให้นักลงทุนจับตารายละเอียดของข้อตกลงอย่างใกล้ชิด รวมถึงท่าทีจากฝั่งเวียดนามและกลุ่มประเทศคู่ค้าระหว่างประเทศในลำดับถัดไป
คำแนะนำการลงทุน
- สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นเวียดนาม
- หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
- หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำ “เพิ่มน้ำหนักการลงทุน”
- สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นเวียดนาม
- สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนเวียดนาม “ทยอยสะสมการลงทุน” แต่สัดส่วนการลงทุนไม่ควรเกิน 20%
- เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
- แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
- สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-VIETNAM ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-VIETNAM: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFPLUS: T+1
- K-FIXEDPLUS-A: T+2
- K-VIETNAM: T+5
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6