-
กองทุน RMF โอกาสสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท ที่นักลงทุนไม่ควรพลาด
-
เทคนิคเลือกกองทุน RMF แบบมือโปร ไม่ใช่แค่ลดภาษี แต่เลือกกองทุนให้เหมาะกับสถานการณ์และความเสี่ยงที่รับได้ ตั้งแต่มือใหม่หรือผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง ไปจนถึงผู้ที่รับความความเสี่ยงได้สูง เพื่อให้สามารถเลือกกองทุน RMF ได้อย่างมั่นใจ
ในปี 2568 ที่ความผันผวนของตลาดการลงทุนยังคงเป็นความท้าทายใหญ่สำหรับนักลงทุน การเลือกลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่เหมาะสมจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ได้ทั้งการลดหย่อนภาษีและโอกาสสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ Fed คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% และกนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากปัจจัยเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ทำให้การเลือก RMF ที่มีนโยบายการลงทุนที่เหมาะกับสภาวะตลาดปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญมาก
ทำความเข้าใจ RMF และความสำคัญด้านภาษี
RMF คืออะไร? ลดหย่อนภาษีได้อย่างไร?
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF เป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่รัฐบาลส่งเสริมให้ประชาชนเก็บออมเพื่อการเกษียณ โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นแรงจูงใจ ผู้ลงทุนสามารถนำเงินที่ลงทุนใน RMF มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี และเมื่อรวมกับค่าลดหย่อนในกลุ่มการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ อย่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันบำนาญแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
เงื่อนไขการถือครอง RMF
ผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนไว้จนถึงอายุ 55 ปี และลงทุนมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี จึงจะขายคืนหน่วยลงทุนได้ หากขายก่อนครบกำหนดต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับ พร้อมจ่ายค่าปรับหากคืนภาษีล่าช้า นอกจากนี้ ผู้ลงทุนต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี (เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี) โดยไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน
ความแตกต่างระหว่าง RMF และ Thai ESG
RMF แตกต่างจาก Thai ESG ที่สามารถลงทุนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 300,000 บาท โดยวงเงินลดหย่อน Thai ESG ไม่รวมกับค่าลดหย่อนกลุ่มการออมเพื่อเกษียณ ทำให้นักลงทุนสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากทั้งสองกองทุนได้พร้อมกัน
เลือก RMF แบบไหนให้ตรงเป้าหมายคุณ
ผู้เริ่มต้นหรือรับความเสี่ยงได้ต่ำ - RMF ตราสารหนี้
สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นหรือไม่ต้องการความเสี่ยงสูง กองทุน K-SFRMF และ K-GDBONDRMF เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในสภาวะปัจจุบันที่กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยจาก 1.75% ในช่วงครึ่งหลังของปี ทำให้ตราสารหนี้ไทยได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง กองทุนเหล่านี้เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีและมีความผันผวนต่ำกว่าหุ้น ช่วยให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอพร้อมความมั่นคงในการเก็บออมระยะยาว
นักลงทุนสายกลาง - RMF กองทุนผสมหุ้นโลก
สำหรับนักลงทุนสายกลางที่ต้องการความสมดุลระหว่างการเติบโตและความมั่นคง กองทุน K-WPBALRMF, K-WPSPEEDRMF และ K-WPULTIRMF เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Multi-Asset ที่กระจายการลงทุนทั้งในหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือกทั่วโลก ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างสมดุลให้กับพอร์ต ในสภาวะปัจจุบันที่ตลาดหุ้นโลกยังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นสงครามการค้าและความขัดแย้งระหว่างประเทศ การกระจายการลงทุนแบบนี้จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
นักลงทุนเชิงรุก - RMF หุ้นต่างประเทศ
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการสร้างผลตอบแทนระยะยาว กองทุน KUSARMF และ KGTECHRMF เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ยังมีความผันผวนจากประเด็นภาษีการค้าที่ยังไม่มีข้อสรุป ขณะที่กองทุนเทคโนโลยีได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในโครงการ AI ขนาดใหญ่ เช่น โครงการ Stargate ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ
เปรียบเทียบกองทุน RMF ยอดนิยมปี 2568
ตารางเปรียบเทียบกองทุน RMF แนะนำ 
คำแนะนำการเลือกลงทุน
สำหรับการลงทุนในปี 2568 K WEALTH แนะนำให้นักลงทุนพิจารณาใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Multi-Asset ที่กระจายการลงทุนทั้งในหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือกทั่วโลก เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ต ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจพิจารณาเพิ่มสัดส่วนในกลุ่ม Healthcare และโครงสร้างพื้นฐาน ที่สามารถรับมือได้ดีในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
คำถามที่พบบ่อย
RMF ต้องถือกี่ปี?
ผู้ลงทุนต้องถือครอง RMF อย่างน้อย 5 ปีนับจากปีแรกที่ลงทุน และไม่สามารถขายคืนได้ก่อนอายุ 55 ปี ยกเว้นกรณีทุพพลภาพหรือเสียชีวิต หากขายก่อนครบเงื่อนไขจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับ พร้อมจ่ายค่าปรับหากคืนภาษีล่าช้า
ลงทุน RMF เกินวงเงินได้ไหม?
สามารถลงทุนได้เกินวงเงินลดหย่อนภาษี แต่จะไม่ได้สิทธิลดหย่อนในส่วนที่เกิน และหากขายก่อนครบเงื่อนไข กำไรส่วนเกิน กรณีขายแล้วมีกำไรต้องนำมารวมคำนวณภาษีด้วย
สามารถย้ายกอง RMF ได้บ่อยแค่ไหน?
สามารถย้ายกองทุนในประเภท RMF ด้วยกันได้ แต่ต้องคำนึงถึงค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน การย้ายกองทุนไม่ส่งผลต่อระยะเวลาการถือครอง แต่อาจมีผลกระทบต่อผลตอบแทนหากทำบ่อยเกินไป
ซื้อ RMF ผ่านแอปได้ไหม?
ปัจจุบันสามารถซื้อ RMF ผ่านแอป K PLUS หรือ Mobile Banking Application ได้สะดวก โดยมีกองทุนหลากหลายให้เลือกลงทุนและสามารถติดตามผลการดำเนินงานของกองทุน พร้อมรับข้อมูลข่าวสารและคำแนะนำการลงทุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญ
ในสภาวะตลาดปี 2568 ที่เต็มไปด้วยความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ การเลือก RMF ที่เหมาะสมจึงต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบคอบ ติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด และกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อให้การลงทุนใน RMF เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความมั่นคงทางการเงินและการลดภาระภาษีในอนาคต
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFRMF: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-GDBONDRMF, K-WPBALRMF, K-WPSPEEDRMF: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-WPULTIRMF, K-USARMF: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- K-GTECHRMF: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 7
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-GDBONDRMF, K-WPBALRMF, K-WPSPEEDRMF, K-WPULTIRMF, K-USARMF, K-GTECHRMF: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFRMF: T+1
- K-GDBONDRMF: T+3
- K-USARMF, K-GTECHRMF: T+4
- K-WPBALRMF, K-WPSPEEDRMF, K-WPULTIRMF: T+5
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บลจ.กสิกรไทย