ลงทุนช่วงผันผวน ก็เหมือนล่องเรือกลางคลื่นแรง อย่าคิดว่าเอาอยู่ถ้าไม่มีเข็มทิศ! เพราะช่วงนี้ตลาดแปรปรวนหนัก หากพลาดอาจหลงทาง จนไปไม่ถึงเป้าหมายได้ วันนี้ K WEALTH มีตัวช่วยใหม่ที่ชื่อว่า “Goal-Based Portfolio” ที่จะมาช่วยนำทางให้ทุกการลงทุนของคุณไปถึงเส้นชัยอย่างไม่ยากเลย
“Goal-Based Port”, please introduce yourself.
Goal-Based Port (ขอเรียกสั้นๆ เพื่อความกระชับ) เป็น ฟีเจอร์ใหม่ที่อยู่บนแอปพลิเคชัน K PLUS ซึ่งจะเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมทางที่จะช่วยให้เรา “เริ่มสร้างพอร์ตเป้าหมาย” แบบไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่ว่าเราจะอยากเดินทาง (ลงทุน) ระยะสั้น เพื่อเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศ หรือลงทุนระยะยาวเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ตอนที่ไม่ต้องทำงานแล้ว เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ลองดูตามภาพด้านล่าง
ที่มา: ธนาคารกสิกรไทย
Goal-Based Port เป็นเพื่อนร่วมทางที่หาตัวจับง่าย แค่เปิดแอป K PLUS ไปที่หน้าลงทุน เลือกเมนู “พอร์ตโฟลิโอ” ที่อยู่ด้านล่าง จะเจอคำว่า “พอร์ตตามเป้าหมาย” หากดูจากภาพ จะเห็นว่าเพื่อนร่วมทางนี้มีความสามารถหลักคือเป็นตัวช่วยสร้างพอร์ตตามเป้าหมายของเรา จัดการเรื่องลงทุนให้ง่าย และเป็นระบบมากขึ้น ฟีเจอร์นี้จะชวนเราคิดในหลายๆ มิติก่อนออกเดินทาง เช่น อยากทำอะไร (Goal) ให้เสร็จเมื่อไหร่ (Target Timeline) พอไปถึงที่หมายอยากมีเงินติดตัวเท่าไหร่ (Target Amount)
ที่พิเศษไปกว่านั้นคือเจ้า Goal-Based Port จะช่วยแพคของใช้ที่จำเป็น (สินทรัพย์) ใส่กระเป๋าก่อนออกเดินทาง รวมถึงเราสามารถเข้ามาติดตามเป้าหมาย และปรับพอร์ตได้เองทันที สามารถเลือกได้ว่าจะเอาของอะไรใส่หรือเอาออกจากกระเป๋า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้แบบไม่ลำบาก คำถามที่ทุกคนอาจจะมีต่อคือ อยากออกเดินทางแล้ว ควรเอาอะไรใส่กระเป๋าบ้าง?
มาเริ่มต้นจัดกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกันเถอะ!
ปกติเวลาเดินทาง เราจะแบ่งประเภทสิ่งของที่ใส่กระเป๋า (Portfolio) ออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือของใช้จำเป็น (Core) กับของใช้ตามความชอบส่วนตัว (Satellite) ครั้งนี้ก็เหมือนกัน การเริ่มต้นจัดกระเป๋า จึงต้องเริ่มจากการเอาของใช้จำเป็น ซึ่งเป็นส่วนที่กินพื้นที่หลักประมาณ 60% ของกระเป๋า ใส่เข้าไปก่อน และเป็นของที่เรามักไม่เอาออก มีแต่จะใส่เพิ่มเข้าไป แต่ทุกคนก็อาจจะตั้งคำถามต่อได้ว่า ของใช้จำเป็นของแต่ละคน ก็ไม่เหมือนกันนี่ เราจะเลือกหยิบของใช้จำเป็นนั้นอย่างไรดี
คำตอบคือ เลือกของใช้จำเป็น (Core) อย่างกองทุนหลักเข้าพอร์ต “K-WealthPLUS Series” ที่มีหลายกองทุนให้เราสามารถเลือกหยิบใส่กระเป๋าได้ตามความต้องการของแต่ละคน ถ้าอยากถึงเป้าหมายเร็วๆ ชอบความท้าทายหน่อย ก็อาจจะเลือกลงทุนในกองทุน K-WPULTIMATE ที่เน้นหุ้นเยอะ แต่ถ้าอยากค่อยเป็นค่อยไป การลงทุนใน K-WPBALANCED ที่เน้นตราสารหนี้มากกว่าอาจจะตอบโจทย์กว่า
ที่มา: Investment Product Management Team ธนาคารกสิกรไทย
โดยเหตุผลที่เจ้า K-WealthPLUS Series ถูกจัดให้เป็นของใช้จำเป็นที่ทุกคนต้องมี สรุปได้ดังนี้
- ความหลากหลาย: ใน K-WealthPLUS Series มีสินทรัพย์ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก ทำให้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เช่น ตราสารหนี้ไทยผลตอบแทนลดลงเพราะ กนง. ลดดอกเบี้ย หรือมีสงครามการค้า/สงครามจริงๆ K-WealthPLUS Series ก็ยังได้ประโยชน์อยู่เพราะมีการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศและหลายสินทรัพย์
- พิสูจน์แล้วว่าดีจริง: ไม่ว่าจะผ่านมากี่คลื่นลม K-WealthPLUS Series ก็ยังเป็นตัวช่วยที่ดี สะท้อนผ่านผลตอบแทนที่ฟื้นตัวกลับมาเป็นบวกได้ในระยะเวลาไม่นานหลังผ่านวิกฤติ
-
ที่มา: Investment Product Management Team ธนาคารกสิกรไทย
- หลังบ้านดีมีชัยไปกว่าครึ่ง: แค่เดินทางก็ปวดหัวมากพอแล้ว ไม่ควรมาปวดหัวกับการหยิบของเข้าออกอีก K-WealthPLUS Series มีทีมงานเบื้องหลังที่เชี่ยวชาญ คอยปรับพอร์ตลงทุนไปตามสภาวะตลาด ทำให้เราสามารถโฟกัสกับการเดินทางให้ถึงเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น จัดให้ดูหน่อยสิ
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพ K WEALTH จึงจำลองการเลือกของเตรียมพร้อมทำตามเป้าหมาย ตามผลตอบแทนจริงๆ ของกองทุนตามตารางด้านล่าง ซึ่งจะเป็นตัวอย่างของนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงมาก เริ่มวางแผนลงทุนต้นปี (14 ม.ค. 68) แต่อยากมีเงินแสนไปเที่ยวยุโรปให้ทันช่วงกลางปี (14 ก.ค. 68) ซึ่งหลักการการเลือกของเข้าพอร์ตเป็นดังนี้
- ของใช้จำเป็น หรือ Core Portfolio หยิบมาเป็นกองทุน K-WPBALANCED ที่เน้นสร้างผลตอบแทนแข็งแกร่งผ่านตราสารหนี้ มีหุ้นสัดส่วนไม่มาก เพื่อให้มั่นใจว่าเงินลงทุนส่วนหลักจะเติบโตอย่างมั่นคง
- ของใช้ตามความชอบ หรือ Satellite Portfolio หยิบมาเป็นกองทุนตราสารหนี้ (K-FIXEDPLUS) กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (K-GINFRA) กองทุนทองคำ (K-GOLD-A(A)) และกองทุนหุ้นสุขภาพ (K-GHEALTH) ซึ่งล้วนแต่เป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนมักเลือกลงทุนในยามที่ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน (ทองคำ ตราสารหนี้ และหุ้นกลุ่ม Defensive)
ที่มา: K WEALTH
จากตารางจะเห็นว่า การจัดพอร์ตอย่างมีระบบแบบนี้ ทำให้เราสามารถเก็บเงินได้ตามเป้าหมาย 1,100,000 บาท ใน 6 เดือนได้จริง (เงินส่วนเพิ่ม 100,000 บาท จากเงินลงทุนเริ่มต้น) และสอดคล้องกับความชอบของนักลงทุนด้วย เพราะไม่ได้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ในสัดส่วนที่มากเกินไป
นักลงทุนบางท่านอาจจะมองว่า 6 เดือนอาจจะสั้นไปรึเปล่า ถ้าอยากวางแผนลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะยาวหลัก 3-5 ปี เจ้า Goal-Based Port สามารถช่วยเราได้จริงไหม K WEALTH จึงขอยกตัวอย่างเพิ่มตามตารางด้านล่าง เป็นตัวอย่างของพนักงานออฟฟิศอายุ 28 ปี ชอบเล่นหุ้นและรับความเสี่ยงได้สูง ที่อยากเก็บเงินล้านให้ได้ภายใน 5 ปี ด้วยการแบ่งเงินลงทุนจากเงินเดือนทุกเดือน เดือนละ 15,000 บาทมาลงทุน โดยมีหลักการการเลือกของเข้าพอร์ตดังนี้
- ของใช้จำเป็น หรือ Core Portfolio หยิบมาเป็นกองทุน K-WPULTIMATE ที่เน้นสร้างผลตอบแทนแข็งแกร่งผ่านการลงทุนในหุ้นสัดส่วน 85% เพื่อให้พอร์ตเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
- ของใช้ตามความชอบ หรือ Satellite Portfolio หยิบมาเป็นกองทุนหุ้นโลกผสมผสานหุ้น Growth และ Value (K-GSELECT) กองทุนหุ้นเวียดนาม (K-VIETNAM) กองทุนหุ้นไทย SET 50 (K-SET50) และกองทุนตราสารหนี้ (K-FIXEDPLUS-A) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่พร้อมเติบโตไปกับตลาดหุ้น ส่วนตราสารหนี้เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต
ที่มา: K WEALTH
จะเห็นว่ากับเป้าหมายระยะยาว ก็สามารถใช้ Goal-Based Port ช่วยได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เราต้องรู้จักสินทรัพย์ที่เราจะเลือกเข้ามาใส่กระเป๋าเรา คำแนะนำคือลองดูว่าเรารับความเสี่ยงได้ระดับไหน และลองหาข้อมูลจาก K WEALTH ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเพื่อนร่วมทางที่จะช่วยให้เราสามารถเลือกของเข้ากระเป๋าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
“Goal-Based Port”, any message to investors?
ถึงนักลงทุนทุกท่าน วันนี้ Goal-Based Port พร้อมที่จะให้คุณควบคุมเส้นทางการเงินของคุณแล้ว ด้วยการออกแบบมาเพื่อช่วยให้การสร้างพอร์ตเป็นเรื่องง่าย ช่วยคุณตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และจัดเตรียมการลงทุนที่เหมาะสม ไม่ต้องรู้สึกหลงทางอีกต่อไป — มาออกเดินทางสู่ความฝันทางการเงินของคุณด้วยกันง่ายๆ บน K PLUS
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: Investment Product Management Team ,K Asset