ในยุคที่ความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากขึ้น กองทุน Thai ESG จึงกลายเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในปี 2568 ที่ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่อเนื่อง ทั้งการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีคุณภาพพร้อมส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม
ทำความรู้จักกองทุน Thai ESG: โอกาสลดหย่อนภาษีปี 2568
Thai ESG คืออะไร?
กองทุน Thai ESG เป็นกองทุนรวมที่มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลักการ ESG (Environmental, Social, and Governance) ซึ่งหมายถึงการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนไปพร้อมกัน
เงื่อนไขการลงทุนปี 2568
สำหรับปี 2568 กองทุน Thai ESG ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยนักลงทุนสามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี ซึ่งแตกต่างจากกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทอื่นตรงที่สิทธิการลงทุนกองทุน Thai ESG ไม่นับรวมกับสิทธิการออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ เช่น กองทุน RMF หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ความต่างจากกองทุน RMF
กองทุน Thai ESG มีข้อแตกต่างสำคัญจากกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง RMF ที่เน้นการเก็บออมเพื่อเกษียณ โดยผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนไว้จนถึงอายุ 55 ปี และลงทุนมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี จึงจะขายคืนหน่วยลงทุนได้ และที่สำคัญต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี (เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี) แต่กองทุน Thai ESG สามารถขายคืนได้หลังจากถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ และมีความยืดหยุ่นในการลงทุนมากกว่าเพราะไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี พร้อมทั้งเน้นการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
เจาะลึก 3 กองทุน Thai ESG
สำหรับกองทุน Thai ESG มีกองทุนที่น่าสนใจ 3 กองทุนหลักด้วยกัน ซึ่งแต่ละกองทุนมีนโยบายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ดังนี้
K-ESGSI-ThaiESG
กองทุน K-ESGSI-ThaiESG เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เริ่มสนใจการลงทุนแบบ ESG โดยมีระดับความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 3 ถือว่าอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ กองทุนนี้เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเพื่อความยั่งยืนอย่างพันธบัตรรัฐบาลไม่น้อยกว่า 80% ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้อื่น เช่น เงินฝาก หุ้นกู้ ทำให้มีความมั่นคงสูงและเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย
K WEALTH มีมุมมองค่อนข้างบวก (Slightly Positive) ต่อกองทุนนี้ สะท้อนถึงความมั่นใจในทิศทางการลงทุนของกองทุนนี้ในระยะข้างหน้า เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยมีความผันผวนที่ต่ำกว่าสหรัฐฯ จึงมองว่ายังเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะกับการกระจายความเสี่ยงพอร์ต และยังได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง
K-BL30-ThaiESG
กองทุน K-BL30-ThaiESG มีกลยุทธ์การลงทุนแบบผสม โดยลงทุนในหุ้นเพื่อความยั่งยืนไม่เกิน 30% เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มี SET ESG Rating อยู่ในระดับ AAA มากกว่า 50% ซึ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนชนะดัชนีชี้วัดได้ในระยะยาว ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ทำให้กองทุนนี้มีความสมดุลระหว่างการเติบโตและความมั่นคง
สำหรับระดับความเสี่ยงของกองทุนอยู่ที่ระดับ 5 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างสูง เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่งและต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว โดย K WEALTH มีมุมมองค่อนข้างบวก (Slightly Positive) ต่อกองทุนนี้เช่นกัน เนื่องจากการลงทุนในกองทุนผสมที่มีการกระจายการลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตโดยรวม
K-TNZ-ThaiESG
กองทุน K-TNZ-ThaiESG เป็นตัวเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเน้นการเติบโตและสามารถรับความเสี่ยงได้สูง ด้วยระดับความเสี่ยงกองทุนที่ระดับ 6 กองทุนนี้มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบ SET100 TRI และเป็นบริษัทที่มีเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
อย่างไรก็ตาม K WEALTH มีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อกองทุนนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความระมัดระวังต่อปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นไทยผ่านกองลดหย่อยภาษีจะได้รับประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษี และเหมาะสมกับการลงทุนระยะยาว ท่ามกลางระดับ Valuation ที่น่าสนใจ
ตารางเปรียบเทียบกองทุน Thai ESG
เลือกกองทุน Thai ESG ยังไงให้เหมาะกับเป้าหมายคุณ
ประเมินระดับความเสี่ยงที่รับได้
การเลือกกองทุน Thai ESG ที่เหมาะสมเริ่มต้นจากการประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง หากเป็นนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและไม่ต้องการความผันผวนสูง กองทุน K-ESGSI-ThaiESG จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางและต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น กองทุน K-BL30-ThaiESG จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และสามารถรับความเสี่ยงได้สูง กองทุน K-TNZ-ThaiESG มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงกว่า
เป้าหมายการลงทุน
สำหรับการลดหย่อนภาษี กองทุน Thai ESG ทุกกองทุนให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เท่ากัน ดังนั้น การเลือกกองทุนจึงควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ความเสี่ยงที่รับได้
สำหรับการสร้างพอร์ต หากต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน การเลือกกองทุนที่มีการกระจายการลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้จะช่วยสร้างความสมดุลได้ดี
สำหรับการลงทุนยั่งยืน ทั้ง 3 กองทุนต่างมุ่งเน้นการลงทุนตามหลักการ ESG แต่กองทุน K-TNZ-ThaiESG อาจให้โอกาสในการสนับสนุนบริษัทที่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืนมากกว่า
คำถามที่พบบ่อย
Thai ESG ถือได้กี่ปี?
กองทุน Thai ESG ต้องถือไม่น้อยกว่า 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ จึงจะสามารถขายคืนได้โดยไม่เสียสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากขายก่อนกำหนดจะต้องคืนเงินภาษีที่เคยได้รับ พร้อมจ่ายค่าปรับหากคืนภาษีล่าช้า
เปลี่ยนกองทุนระหว่างทางเสียสิทธิหรือไม่?
การเปลี่ยนกองทุน Thai ESG ระหว่างทางจะไม่เสียสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ต้องดำเนินการผ่านขั้นตอนการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนตามเงื่อนไขที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกำหนด และอาจมีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ
Thai ESG กับ Thai ESGX ต่างกันอย่างไร?
กองทุน Thai ESG กับ Thai ESGX ต่างกันที่นโยบายการลงทุนและระยะเวลาในการลงทุน โดยกองทุน Thai ESG ยังสามารถลงทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ในปีนี้ ในขณะที่กองทุน Thai ESGX จะไม่สามารถลงทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้หลังจากวันที่ 30 มิ.ย. 68 เป็นต้นไป
ยังทันไหมถ้าจะซื้อปลายปี?
การลงทุนในกองทุน Thai ESG ยังสามารถทำได้ตลอดปี แม้จะลงทุนในช่วงปลายปีก็ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเต็มจำนวนสำหรับปีภาษีนั้น
กองทุน Thai ESG เป็นตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับปี 2568 โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษีและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน การเลือกกองทุนที่เหมาะสมควรพิจารณาจากระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเป้าหมายการลงทุน
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขการลงทุนอย่างละเอียด รวมถึงปรึกษาที่ปรึกษาการลงทุนก่อนตัดสินใจเพื่อให้มั่นใจว่าการเลือกกองทุน Thai ESG จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนระยะยาวที่เหมาะสมกับความต้องการและเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคล
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-ESGSI-ThaiESG: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 3
- K-BL30-ThaiESG: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-TNZ-ThaiESG: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-ESGSI-ThaiESG, K-BL30-ThaiESG: ป้องกันความเสี่ยงทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-ESGSI-ThaiESG, K-BL30-ThaiESG, K-TNZ-ThaiESG: T+2
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บลจ.กสิกรไทย