หุ้นญี่ปุ่นพุ่งแรงจากดีลทรัมป์–ญี่ปุ่น ลดภาษีรถยนต์ หนุนส่งออกและความเชื่อมั่นนักลงทุนระยะสั้น

ประเด็นร้อน : ญี่ปุ่นปิดดีลภาษีทรัมป์ได้สำเร็จ

หุ้นญี่ปุ่นพุ่งแรงจากดีลทรัมป์–ญี่ปุ่น ลดภาษีรถยนต์ หนุนส่งออกและความเชื่อมั่นนักลงทุนระยะสั้น

กดฟัง
หยุด
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งแรง หลังทรัมป์ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหญ่กับญี่ปุ่น โดยลดภาษีนำเข้ารถยนต์จาก 25% เหลือ 15% และญี่ปุ่นเปิดตลาดสินค้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น พร้อมลงทุนโดยตรงในสหรัฐฯ มูลค่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์
  • หุ้นกลุ่มยานยนต์ญี่ปุ่นตอบรับเชิงบวกทันที เช่น Toyota พุ่งกว่า 11% ขณะที่ดัชนี Nikkei 225 และ TOPIX ปรับขึ้นกว่า 2% ถือเป็นแรงหนุนสำคัญต่อทั้งเศรษฐกิจและการเมืองในญี่ปุ่น
  • K WEALTH แนะนำทยอยทำกำไรหุ้นญี่ปุ่น หากมีสัดส่วนเกิน 20% ส่วนผู้ลงทุนใหม่ให้กระจายลงทุนในกองทุนที่มีศักยภาพระยะยาวหรือกองทุนผสมเพื่อบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแต่ละคน

ดีลการค้าระหว่างญี่ปุ่น–สหรัฐ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นอย่าง TOPIX และ Nikkei ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่กับญี่ปุ่น ซึ่งครอบคลุมทั้งการกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นในอัตรา 15% (reciprocal tariff) และการที่ญี่ปุ่นเปิดตลาดรับสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรถยนต์ ข้าว และผลิตภัณฑ์การเกษตร พร้อมทั้งประกาศการลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่นในสหรัฐฯ มูลค่าสูงถึง 5.5 แสนล้านดอลลาร์


ดีลนี้ถือเป็นความคืบหน้าสำคัญต่อญี่ปุ่น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ หลังสามารถลดภาษีจาก 25% เหลือ 15% ได้ทันก่อนกำหนด 1 ส.ค. ที่จะมีผลบังคับใช้ภาษีชุดใหม่


ข้อตกลงนี้ส่งผลให้หุ้นกลุ่มยานยนต์ญี่ปุ่นอย่าง Toyota พุ่งขึ้นกว่า 11% ในทันที โดยถือเป็นดีลขนาดใหญ่ที่ทรัมป์กล่าวว่าเป็น “ข้อตกลงการค้าที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” และถือเป็นแรงหนุนทางการเมืองสำคัญต่อรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ที่เผชิญแรงกดดันภายในประเทศจากผลการเลือกตั้ง


ดัชนีและกองทุนที่เกี่ยวข้อง

  • Nikkei 225 +3.21%
  • TOPIX +2.74%

(ข้อมูล ณ วันที่ 22 ก.ค. 68)


มุมมองการลงทุน

K WEALTH มองว่า ข้อตกลงดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงด้านนโยบายการค้า และหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนในระยะสั้น โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ซึ่งเป็นสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในสามของการส่งออกญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดหลายด้าน:

  • รายละเอียดของดีลยังไม่ครบถ้วนและต้องติดตามการยืนยันจากฝั่งญี่ปุ่น
  • ยังมีแรงกดดันจากการแข่งขันด้านการค้ากับคู่ค้ารายสำคัญ เช่น เกาหลีใต้ และยุโรป ที่อาจต้องเร่งทำข้อตกลงของตนเองกับสหรัฐฯ

โดยรวม ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังได้แรงสนับสนุนจาก

  • แนวโน้มเปลี่ยนผ่านจากเงินฝืดสู่เงินเฟ้อในประเทศ
  • การปฏิรูปธรรมาภิบาลองค์กรที่เอื้อต่อผู้ถือหุ้น

แต่ยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในอยู่ รวมถึงปัญหาเรื่องทิศทางอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย


คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นญี่ปุ่น
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน”
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนญี่ปุ่น
    • สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนญี่ปุ่น “รอโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ”
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:

  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-JPX-A, K-JP-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-JPX-A, K-JP-A: ป้องกันความเสี่ยง ไม่น้อยกว่ากว่า 75%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-JPX-A: T+3
    • K-JP-A: T+4
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6


คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top