-
สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียที่ 25% เหตุจากนโยบายกีดกันทางการค้าและสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นอินเดียย่อตัวเพียงเล็กน้อย สะท้อนผลกระทบที่จำกัด
-
อินเดียยังคงมีแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศ การส่งออกบริการ และเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย ทำให้ธนาคารกลางมีโอกาสลดดอกเบี้ยเพิ่มอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง
สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าสินค้าอินเดีย 25%
สหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าจากอินเดีย เนื่องจากอินเดียมีการนำเข้าสินค้าพลังงานและอาวุธจากรัสเซีย มีการจัดเก็บภาษีในระดับสูง และใช้นโยบายกีดกันทางการค้าอย่างเข้มงวด รวมไปถึงอินเดียไม่ตอบรับข้อเสนอเกี่ยวกับการเปิดตลาดสินค้าเกษตร ดิจิดอล และพลังงาน
Related Indices & Funds
- Nifty 50 -0.35%
- BSE 200 -0.45%
(ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2025)
Market Outlook
K Wealth ยังคงมุมมอง Slightly Positive ต่อการลงทุนตลาดหุ้นอินเดีย โดยตลาดหุ้นอินเดียย่อตัวเล็กน้อยประกอบกับค่าเงินรูปีอ่อนค่าสะท้อนการรับข่าวไปแล้ว นอกจากนี้ข้อมูลเศรษฐกิจอินเดียชี้ว่าอินเดียพึ่งพาการเติบโตจากการบริโภคเป็นหลัก อีกทั้งอินเดียโดดเด่นด้านการส่งออกบริการมากกว่าสินค้า นอกจากนี้ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายทำให้ธนาคารกลางอินเดียมีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มได้อีก 1 ครั้ง ดังนั้นอัตราภาษีที่ 25% จึงค่อนข้างมีผลกระทบที่จำกัดต่อทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอินเดีย โดยรอติดตามความคืบหน้าของการเจรจาในช่วงเดือน ส.ค.
มากกว่านั้นยังมองว่าเศรษฐกิจอินเดียกลับมาขยายตัวได้ดีในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 การลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 1% การอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารและยกเลิกข้อจำกัดการปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ขณะเดียวกันการอ่อนค่าของเงินรูปีจะช่วยลดผลกระทบและส่งผลดีต่อภาคส่งออกทั้งสินค้าและบริการของอินเดีย
คำแนะนำการลงทุน
- สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นอินเดีย
- หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
- หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำ “ถือต่อหรือทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ไม่เกิน 20%”
- สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นอินเดีย
- สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นอินเดีย “ทยอยเข้าลงทุนได้”
- เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
- แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
- สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-INDIA-A, K-INDX ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- K-INDIA-A, K-INDX: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFPLUS: T+1
- K-FIXEDPLUS-A: T+2
- K-INDX: T+3
- K-INDIA-A: T+4
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6