-
ดัชนี VNI ปรับขึ้นกว่า 3.3% ทำจุดสูงสุดใหม่ (All-time High) หนุนด้วยหุ้น Vingroup และ Vinhomes จากข่าวลงทุนท่าเรือเมือง Haiphong และหุ้นธนาคารที่ได้รับแรงบวกจากการที่ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ขอให้ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นสินเชื่อ
-
มาตรการกระตุ้นจาก SBV เน้นปล่อยกู้ให้ภาคอุตสาหกรรม-การผลิต เพื่อหนุนเป้าหมาย GDP ปี 2025 ที่ 8% บวกกับความคืบหน้าเจรจาการค้าที่ทำให้ FDI เริ่มไหลกลับ ขณะเดียวกันยอดขายสินค้า-บริการยังเติบโตดีจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว
-
คำแนะนำ: K WEALTH มีมุมมอง Slightly Positive ต่อหุ้นเวียดนามในระยะสั้น แนะนำทยอยสะสมในช่วงจังหวะพักฐาน โดยเน้นหุ้นหรือกองทุนที่ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวในประเทศ เช่น กลุ่มธนาคาร อสังหา และค้าปลีก
ตลาดหุ้นเวียดนามทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง
ดัชนี VNI ปรับตัวขึ้นมากกว่า 3.00% ทำจุดสูงสุดใหม่ (All-time High) หนุนด้วยหุ้น Vingroup และ Vinhomes ที่ปรับตัวขึ้นจากข่าวแผนการลงทุนท่าเรือที่เมือง Haiphong และหุ้นกลุ่มธนาคารที่รับอานิงสงส์จากข่าวธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ เพื่อกระตุ้นการเติบโตของสินเชื่อ และยังเน้นย้ำให้ธนาคารพาณิชย์เน้นปล่อยกู้ให้กับธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมและการผลิต
Related Indices & Funds
(ข้อมูล ณ วันที่ 5 ส.ค. 2025 เวลา 13.50 น.)
Market Outlook
K Wealth ยังคงมุมมอง Slightly Positive ต่อการลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม โดยมีปัจจัยหนุนระยะสั้นเพิ่มเติมจากทิศทางการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ถึงเป้าหมายการเติบโตของ GDP ปี 2025 ที่ 8% นอกจากนี้ยังรับแรงหนุนจากการเจรจาการค้าที่มีความชัดเจนและได้ข้อตกลงที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับประเทศส่งออกในภูมิภาคเอเชีย ส่งให้เม็ดเงิน FDI กลับมาไหลเข้าลงทุนอีกครั้ง ขณะที่ภาคเศรษฐกิจในประเทศยังแข็งแกร่งทั้งยอดขายสินค้าและภาคบริการซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากภาคท่องเที่ยวที่เติบโตดีในปีนี้
คำแนะนำการลงทุน
-
สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นเวียดนาม
- หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
- หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำ “ยังคงถือต่อได้ และ ทยอยเพิ่มสัดส่วนให้ไม่เกิน 20%”
-
สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนเวียดนาม
- สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนเวียดนาม “ทยอยสะสมได้”
- เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
- แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
- สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS
หมายเหตุ:
-
ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-VIETNAM ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
-
นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-VIETNAM : ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
-
ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFPLUS: T+1
- K-FIXEDPLUS-A: T+2
- K-VIETNAM: T+5
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6