ทรัมป์สั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียรวม 50% กดดันเหตุซื้อน้ำมันรัสเซีย K WEALTH ชี้ผลกระทบเศรษฐกิจจำกัด

ประเด็นร้อน : ทรัมป์งอนหนัก เพิ่มภาษีนำเข้าจากอินเดียสูงถึง 50%

ทรัมป์สั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียรวม 50% กดดันเหตุซื้อน้ำมันรัสเซีย K WEALTH ชี้ผลกระทบเศรษฐกิจจำกัด

กดฟัง
หยุด
  • ประธานาธิบดีทรัมป์เซ็นคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียเพิ่มอีก 25% รวมเป็น 50% มีผลภายใน 21 วัน เหตุผลหลักมาจากอินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ถือเป็นการใช้ “ภาษี” เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อกดดันพันธมิตร
  • ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอินเดียยัง “จำกัด” เนื่องจากเศรษฐกิจยังเติบโตได้ในช่วง 6–7% ขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์ภายใน และรายได้หลักของบริษัทในตลาดหุ้นอินเดียส่วนใหญ่มาจากการส่งออกบริการไปยังสหรัฐฯ

อินเดียเจอแรงกดดันรอบใหม่

  • ประธานาธิบดีทรัมป์เซ็นคำสั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดีย อีก 25% บนของเดิม 25% รวมเป็น 50% มีผลภายใน 21 วัน
    • เหตุผล: อินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
    • ส่งสัญญาณใช้ “ภาษี” เป็นเครื่องมือกดดันพันธมิตร
  • MSCI India ETF Futures และค่าเงินรูปีปรับตัวลงเล็กน้อย
  • ก่อนหน้านี้อินเดียระบุว่ามาตรการขึ้นภาษีด้วยข้อกล่าวหาดังกล่าว “ไม่เป็นธรรม-เกินเหตุ” และพร้อมปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ
  • รอติดตามการเดินทางเยือนจีนของนายกฯ Modi ในวันที่ 31 ส.ค.-1 ก.ย. ซึ่งอาจมีการส่งสัญญาณทางการเมืองระหว่างประเทศออกมา
  • รอติดตามช่วงเวลา 21 วัน ก่อนมีผลใช้จริง ซึ่งอาจมีการเจรจาระหว่างอินเดียและสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาผลกระทบ)

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอินเดียค่อนข้างจำกัด

  • เศรษฐกิจอินเดียยังโตระดับ 6–7% จากแรงบริโภคภายในประเทศ
  • ข้อมูลล่าสุดเมื่อปี 2023 มูลค่าการส่งออกจากอินเดียไปสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 2% ของ GDP อินเดีย
  • อีกทั้งรายได้หลักมากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทในตลาดหุ้นอินเดียที่มาจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นการส่งออกบริการ เช่น การเงิน, สื่อสาร, Software
  • ดังนั้นผลกระทบจากข่าวดังกล่าวต่อทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอินเดียในเชิงปัจจัยพื้นฐานจึงมีค่อนข้างจำกัด แต่ในระยะสั้นอาจความผันผวนจากปัจจัยด้าน Sentiment

คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นอินเดีย
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำ “ถือต่อหรือทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ไม่เกิน 20%”
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นอินเดีย
    • สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นอินเดีย “ทยอยเข้าลงทุนได้”
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-INDIA-A, K-INDX ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
    • K-INDIA-A, K-INDX: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-INDX: T+3
    • K-INDIA-A: T+4
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6



คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top