-
เงินเฟ้อสหรัฐฯ ก.ค. 68 ต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดมองว่า Fed มีโอกาสลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ตลาดตอบรับเชิงบวก ปรับตัวขึ้น 1.1-1.3% ในวันเดียว
-
ยังคงต้องติดตามตัวเลข Core PCE เดือน ก.ค. ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อ Fed และการตอบสนองของผู้บริโภคต่อราคาสินค้าที่ได้รับผลจากภาษีนำเข้า
-
K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยมองว่าทรงตัว แม้ไม่ได้น่าสนใจจนควรรีบลงทุนเพิ่ม แต่ก็ยังคงถือต่อได้
-
การลงทุนในช่วงนี้ K WEALTH แนะนำให้เน้นกระจายความเสี่ยง ผ่านกองทุนหลัก (Core Portfolio) เช่น K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ
อัปเดตประกาศเงินเฟ้อสหรัฐฯ ก.ค. 68 เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 68
- ดัชนีเงินเฟ้อทั่วไป( Headline CPI ) ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.8% และทรงตัวจากระดับ 2.7% ในเดือน มิ.ย.
- เมื่อเทียบรายเดือนดัชนี เงินเฟ้อทั่วไปปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือน ก.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.3% ในเดือน มิ.ย.
- ดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือว่าปรับตัวขึ้นจากระดับ 2.9% ในเดือน มิ.ย.เล็กน้อย และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 3.0% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือน ก.ค. สูงกว่าระดับ 0.2% ในเดือน มิ.ย.
สาเหตุหลักมาจากอัตราเงินเฟ้อภาคบริการโดยเฉพาะค่าโดยสารเครื่องบินและรถยนต์ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อสำหรับสินค้าที่คาดจะได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีกลับไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากอย่างที่ตลาดคาด
ดัชนีตลาดหุ้นที่เกี่ยวข้อง ณ 12 ส.ค. 68 เทียบกับวันก่อนหน้า
- S&P 500 +1.13% ปิดที่ 6,445.75 จุด
- NASDAQ +1.33% ปิดที่ 23,839.20 จุด
- Dow Jones +1.10% ปิดที่ 44,458.61 จุด
มุมมองการลงทุน
การเปิดเผยตัวเลขนี้สร้างแรงหนุนต่อความเชื่อมั่นของตลาด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดเพิ่มโอกาสที่ Fed จะเดินหน้าลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์ความน่าจะเป็นในการลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ในระดับสูงกว่า 94%
ปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม
- ตัวเลข Core PCE เดือน ก.ค. ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่ Fed ใช้ประเมินการดำเนินนโยบายดอกเบี้ย
- ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อ Fed หลังเงินเฟ้อไม่เร่งตัวขึ้นเร็วตามที่คาด
- การตอบสนองของผู้บริโภคต่อราคาสินค้าที่ได้รับผลจากภาษีนำเข้า หากอุปสงค์เริ่มอ่อนแรง
คำแนะนำการลงทุน
ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ เช่น K-USA K-USXNDQ K-US500X ฯลฯ K WEALTH ยังคงมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อภูมิภาคนี้ (มุมมอง ณ เดือน ส.ค. 68) โดยมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรงตัว แม้ไม่ได้น่าสนใจจนควรรีบลงทุนเพิ่ม แต่ก็ยังคงถือต่อได้ ดังนั้น
- หากมีกำไรจากกองทุนหุ้นสหรัฐฯ หรือถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ รวมเกิน 30% ของเงินลงทุน แนะนำพิจารณาขายบางส่วนไปลงทุนกองทุนอื่น เช่น K-GSELECT, K-INDIA ซึ่ง K WEALTH มีมุมมองค่อนข้างบวก (Slightly Positive) หรือลงทุนในกองทุน Core Portfolio อย่าง K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED
- หากขาดทุนจากกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ยังสามารถถือต่อได้ หรือคงน้ำหนักการลงทุนหากยังถือกองทุนในภูมิภาคนี้ไม่เกิน 30% ของเงินลงทุน
- สำหรับผู้ที่ยังไม่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ให้รอประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน
สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ แนะนำให้เน้นกระจายความเสี่ยงเป็นหลัก โดยแนะนำทยอยสะสมกองทุนหลัก (Core Portfolio) เช่น K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน เพื่อสร้างความมั่นคงระยะยาว อย่างไรก็
- สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย สามารถเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ไทยที่มีความผันผวนต่ำ ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และได้รับผลกระทบจำกัดจากความไม่แน่นอนทางการค้า เช่น K-SFPLUS และ K-FIXEDPLUS
- สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ โดยต้องการความมั่นคงและความผันผวนต่ำ (Defensive) แนะนำกอง K-GPINUH ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้น Defensive ทั่วโลก พร้อมการขาย Option เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ต เหมาะกับช่วงตลาดที่มีความไม่แน่นอนสูง
- สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น อาจพิจารณาทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งผ่านกองทุน K-GSELECT
หมายเหตุ:
- ระดับความเสี่ยงกองทุน
- K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
- K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
- K-INDIA-A, K-GPINUH, K-GSELECT, K-USA, K-USXNDQ, K-US500X ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
- นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง ไม่น้อยกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-USA, K-USXNDQ: ป้องกันความเสี่ยง ไม่น้อยกว่า 75%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-GSELECT, K-US500X: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- K-INDIA-A: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
- K-GPINUH: ไม่ป้องกันความเสี่ยง
- ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
- K-SFPLUS: T+1
- K-FIXEDPLUS-A: T+2
- K-GPINUH, K-GSELECT, K-USXNDQ, K-US500X: T+3
- K-INDIA-A, K-USA: T+4
- K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6