วิธีการเก็บเงินที่ไม่เพียงแค่เก็บ แต่ยังได้รับอภิสิทธิ์ระดับเซเลบ พร้อมกับการลงทุนในกองทุน Thai ESG และ RMF ที่ช่วยลดหย่อนภาษี และการใช้บัตร KBank THE PREMIER Card และ KBank THE WISDOM Card เพื่อเพิ่มความหรูหราและภาพลักษณ์ที่ดี

เปิดวิธีเก็บเงิน ที่ไม่ใช่แค่เก็บ แต่ได้ 'อภิสิทธิ์' ระดับเซเลบ

วิธีการเก็บเงินที่ไม่เพียงแค่เก็บ แต่ยังได้รับอภิสิทธิ์ระดับเซเลบ พร้อมกับการลงทุนในกองทุน Thai ESG และ RMF ที่ช่วยลดหย่อนภาษี และการใช้บัตร KBank THE PREMIER Card และ KBank THE WISDOM Card เพื่อเพิ่มความหรูหราและภาพลักษณ์ที่ดี

กดฟัง
หยุด



  • ทางเลือกเก็บเงินยอดฮิตในหมู่คนวัยทำงาน หนีไม่พ้นกองทุน Thai ESG / RMF และประกันชีวิต ที่เงินเก็บแต่ละปีนำไปลดหย่อนภาษีได้ ส่วนคนที่ไม่เสียภาษีกองทุน Term Fund ที่มีประมาณการผลตอบแทนให้รู้ตั้งแต่ก่อนเริ่มลงทุน ก็เป็นทางเลือกยอดฮิตสำหรับคนเน้นเก็บ ที่ไม่อยากเสี่ยง
  • ทยอยเก็บเงินในกองทุนลดหย่อนภาษีเต็มสิทธิทุกปี 2-4 ปี ก็มีเงินเก็บ 2 ล้านบาท พร้อมได้อภิสิทธิ์แบบเซเลบ ผ่านบัตร KBank THE PREMIER Card มีภาพลักษณ์ที่หรูหราดูดี โดยไม่ต้องใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
  • สูตรลัดถือบัตร KBank THE PREMIER Card แบบไม่ต้องเก็บเงินเยอะ เช่น (1) ซื้อประกันชีวิต ลงทุนกองทุน Thai ESG และ RMF เต็มสิทธิพร้อมกันในปีนี้ หากมีเงินเก็บเดิมอีกประมาณ 5 แสน ก็ถือบัตรได้ทันที (2) เน้นเก็บเงินปลอดภัยโดยซื้อประกันชีวิตและประกันบำนาญเพื่อใช้สิทธิลดภาษีเต็ม 300,000 บาทในปีนี้ ก็ถือบัตรได้ทันทีเช่นกัน

เก็บเงิน ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นการสะสมความมั่งคั่งเพื่อชีวิตที่มั่นคงให้กับตนเอง แต่มีใครรู้ไหมว่า เมื่อเก็บเงินถึงจุดหนึ่ง เราจะได้รับอภิสิทธิ์ พร้อมกับบัตรเอกสิทธิ์เพื่อแสดงฐานะการเงินที่เหนือกว่าคนทั่วไป ถือเป็นผลประโยชน์นอกเหนือจากแค่ผลตอบแทนจากการเก็บเงินและลงทุน


I: เงินเก็บ ของจำเป็นที่หนีไม่พ้น

ทุกคนล้วนต้องเก็บเงิน อย่างคนทำงานทั่วไป จะใช้ชีวิตให้มีรายได้แค่พอใช้จ่ายในแต่ละเดือนไม่ได้ ต้องรู้จักเก็บเงินเพื่อให้ชีวิตรู้สึกอุ่นใจแม้มีเหตุฉุกเฉินเข้ามา รวมถึงเพื่อเป้าหมายชีวิต ไม่ว่าเป้าหมายระยะสั้น เช่น ท่องเที่ยวต่างประเทศ เตรียมซื้อบ้านหรือรถยนต์ ฯลฯ เป้าหมายระยะกลาง เช่น ทุนการศึกษาบุตร ฯลฯ หรือเป้าหมายระยะยาวที่สำคัญมาก เช่น เงินใช้จ่ายยามเกษียณอายุ


ส่วนคนที่เกิดในครอบครัวมีฐานะเงินเก็บส่วนตัวก็สำคัญ เพราะเงินที่เก็บเองคือความภูมิใจส่วนตัว และหากมีเงินมากพอก็ย่อมมาพร้อมกับอำนาจการตัดสินใจเรื่องส่วนตัวบางอย่าง ที่ไม่ต้องขอความเห็นชอบจากญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว


II: ทางเลือกเก็บเงิน ยอดฮิต

ทางเลือกเก็บเงินของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่สายซิ่งชอบลงทุน นอกเหนือไปจากเงินฝากออมทรัพย์ที่ดอกเบี้ยแทบไม่มี คงหนีไม่พ้นทางเลือกเหล่านี้ อยู่ที่ว่าตนเองมีรายได้ต้องเสียภาษีหรือไม่

  • เก็บเงิน แล้วได้ลดภาษี
    • กองทุนลดหย่อนภาษี มีทั้งกองทุนเสี่ยงสูงมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง ไปถึงกองทุนเสี่ยงต่ำ ที่แม้ผลตอบแทนมักไม่สูงนัก แต่ก็มักไม่เห็นขาดทุนหรือขาดทุนในช่วงสั้นๆ เท่านั้น ได้แก่
      • กองทุน Thai ESG ที่เน้นลงทุนสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ ESG ในไทยเป็นหลัก มีทั้งกองทุนหุ้น (ความเสี่ยง 6) กองทุนผสม (ความเสี่ยง 5) และกองทุนตราสารหนี้ (ความเสี่ยง 3-4) ในแต่ละปีลงทุนได้ไม่เกิน 30%ของเงินได้พึงประเมินทั้งปีที่เสียภาษี สูงสุด 300,000 บาท
      • กองทุน RMF มีนโยบายหรือสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย เช่น ความเสี่ยงสูงที่เป็นกองทุนหุ้นสหรัฐฯ หุ้นเทคฯ หุ้นสุขภาพ หุ้นโลก หรือความเสี่ยงปานกลางที่เป็นกองทุนผสม และความเสี่ยงต่ำที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ ในแต่ละปีลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินทั้งปีที่เสียภาษี สูงสุด 500,000 บาท
    • ประกันชีวิต ที่เน้นเงินคืนแต่ละปีหรือผลตอบแทนที่แน่นอนตามสัญญา หากชำระเบี้ยและถือตามที่กำหนดได้ เช่น
      • ประกันสะสมทรัพย์ และประกันที่เน้นเงินก้อนตอนเกษียณ เบี้ยที่จ่ายแต่ละปี ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดปีละ 100,000 บาท
      • ประกันบำนาญ เบี้ยที่จ่ายแต่ละปี ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินทั้งปีที่เสียภาษี สูงสุด 200,000 บาท (รวมกับ RMF กบข. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฯลฯ ใช้สิทธิได้ไม่เกินปีละ 500,000 บาท)

  • เก็บเงินทั่วไปไม่ต้องลดภาษี
    • คนส่วนใหญ่มักนิยมกองทุน Term Fund เพราะมีระยะเวลาที่ต้องถือลงทุนชัดเจน เช่น 6 เดือน 12 เดือน และมีประมาณการผลตอบแทนแจ้งตั้งแต่ก่อนลงทุน ว่าจะได้ประมาณเท่าไรเมื่อครบอายุกองทุน ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจ และสบายใจเพราะส่วนใหญ่เป็นกองทุนตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำ

III: เก็บแล้ว มีดีต้องอวด

หลายคนเข้าใจว่าเก็บเงินไป มีแค่ตัวเองที่ได้เห็นเลขในบัญชีเงียบๆ อยู่คนเดียว ไม่น่าดึงดูดเท่ากับการได้ถือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ขับรถยนต์คันใหม่ หรือไปทานอาหาร/เที่ยวที่หรูๆ แล้วลงรูปอวดเพื่อนในโซเชียล แต่รู้หรือไม่! เงินเก็บในบัญชีต่อให้อยู่นิ่งๆ เพื่อสะสมเป็นความมั่งคั่งและไม่นำออกมาใช้จ่าย ก็สามารถเป็นภาพลักษณ์ที่หรูดูดีได้ ด้วยการถือบัตรที่มีสัญลักษณ์เอกสิทธิ์ (Privileges) ที่สามารถหยิบบัตรออกมาให้เพื่อนได้เห็นตอนเราใช้จ่าย แถมยังได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าคนทั่วไปจากธนาคารที่ให้เอกสิทธิ์นั้น หากเรามีเงินฝากและเงินลงทุน กับธนาคารตามจำนวนที่กำหนด เช่น


  • มีเงินฝากและเงินลงทุน รวมกันตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่ถึง 10 ลบ. สามารถถือบัตรเอกสิทธิ์ KBank THE PREMIER Card
  • มีเงินฝากและเงินลงทุน รวมกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป สามารถถือบัตรเอกสิทธิ์ KBank THE WISDOM Card ได้ รวมถึงหากมีการโอนจ่ายเงินผ่าน K PLUS รูป e-Slip ที่ใช้เป็นหลักฐานให้ผู้รับเงินหรือเพื่อนดู ยังมีสัญลักษณ์ THE WISDOM ด้วย

ตัวอย่าง คนเก็บเงินจากที่ไม่มีเงินเก็บหรือเงินลงทุนกับธนาคารกสิกรไทย หากเป็นคนที่มีรายได้ปีละ 1,666,667 บาทขึ้นไป (เฉลี่ยเดือนละ 138,889 บาท) ซึ่งฐานภาษีสูงถึง 25% หากไม่มีการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอื่น (เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ในแต่ละปีสามารถลงทุนกองทุน RMF ได้ 500,000 บาท และกองทุน Thai ESG ได้ 300,000 บาท รวมเป็นปีละ 800,000 บาท หากลงทุนเช่นนี้ 2-3 ปีติดต่อกัน นอกจากได้เงินคืนภาษีประมาณปีละ 15-25% ของเงินที่ลงทุนแล้ว ยังสามารถถือบัตร KBank THE PREMIER Card ไปอวดเพื่อนได้อีกด้วย


สำหรับคนที่รายได้น้อยลงมา แต่ยังมีภาระภาษีสูงอยู่ เช่น รายได้ปีละ 1,000,000 บาท (เฉลี่ยเดือนละ 83,333 บาท) สามารถลงทุนกองทุน RMF และกองทุน Thai ESG แต่ละประเภทได้สูงสุดปีละ 300,000 บาท รวมเป็นปีละ 600,000 บาท หากลงทุนต่อเนื่อง 3-4 ปี นอกจากได้เงินคืนภาษีประมาณปีละ 5-20% ของเงินที่ลงทุนแล้ว ยังสามารถถือบัตร KBank THE PREMIER Card ได้เช่นกัน


ถ้าบางปีเก็บเงินได้มากกว่านี้ สามารถเก็บเพิ่มในกองทุน Term Fund รวมถึงกองทุนหุ้นหรือกองทุนผสมอื่นก็ได้ เพื่อให้มีเงินลงทุนถึง 2 ล้านบาทเร็วขึ้น หรือหากก่อนหน้านี้มี เงินฝากออมทรัพย์ / ฝากประจำ / กองทุน ก็สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งของยอดเงิน 2 ล้านบาทได้ เพียงแต่ธนาคารจะนับสิทธิโดยใช้มูลค่าเฉลี่ย 6 เดือนย้อนหลัง (ต่างจากกองทุน Term Fund / RMF / Thai ESG / กองทุนที่เข้าเงื่อนไข ที่นับสิทธิได้ทันทีตามมูลค่าล่าสุด)


IV: ทางลัด อวดรวยให้เร็ว

สำหรับการนับเอกสิทธิ์ Privileges Card นอกจากเงินฝากและกองทุนแล้ว ยังนำเบี้ยประกันรายปีที่ร่วมโครงการและซื้อในปีเดียวกับที่สมัครรับเอกสิทธิ์มารวมคำนวณสิทธิได้ ซึ่งการนับเบี้ยประกันที่ว่าธนาคารกสิกรไทย มีจุดเด่นที่ต่างจากธนาคารอื่นทั่วไปตรงที่ ใช้เบี้ยประกันรายปีที่น้อยกว่ามูลค่าเงินฝาก/กองทุน ก็สามารถสมัครรับเอกสิทธิ์ได้ เช่น

  • KBank THE PREMIER Card เป็นเอกสิทธิ์สำหรับ
    • ผู้ที่มีเงินฝาก/เงินลงทุน 2 ล้านบาทขึ้นไป (แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท)
    • หรือ ผู้ที่ซื้อประกันที่ร่วมโครงการ ในปีเดียวกับที่สมัครรับเอกสิทธิ์ โดยมีเบี้ยประกันปีละ 300,000 บาทขึ้นไป
    • หรือ ผู้ที่มีเงินฝาก/เงินลงทุน อยู่แล้วบางส่วน เช่น 1 ล้านบาท (50%) และเลือกซื้อประกันชีวิตเพิ่มอีก ด้วยเบี้ยประกันปีละ 150,000 บาท (50%)
  • KBank THE WISDOM Card เป็นเอกสิทธิ์สำหรับ
    • ผู้ที่มีมีเงินฝาก/เงินลงทุน 10 ล้านบาทขึ้นไป
    • หรือ ผู้ที่ซื้อประกันที่ร่วมโครงการ ในปีเดียวกับที่สมัครรับเอกสิทธิ์ โดยมีเบี้ยประกันปีละ 1,000,000 บาทขึ้นไป
    • หรือ ผู้ที่มีเงินฝาก/ลงทุน อยู่แล้วบางส่วน เช่น 5 ล้านบาท (50%) และเลือกซื้อประกันชีวิตเพิ่มอีก ด้วยเบี้ยประกันปีละ 500,000 บาท (50%)


ดังนั้นผู้ที่อยากใช้ทางลัดการถือบัตร KBank THE PREMIER Card และต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ลองดูตัวอย่างสูตรทางลัดสู่เอกสิทธิ์ KBank THE PREMIER Card โดยแบ่งเป็นคนอยากเก็บเงินเพื่อตนเอง คนมีห่วงคนข้างหลัง และคนที่ห่วงทั้งคนข้างหลังและตนเอง ดังนี้



หมายเหตุ: ตัวอย่างเงินลงทุน RMF สำหรับผู้ที่มีรายได้ปีละ 1,666,667 บาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 138,889 บาทขึ้นไป โดยไม่มีการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกลุ่มเกษียณอายุอื่นอีก (เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน กบข. ประกันบำนาญ ฯลฯ)


อย่างไรก็ตามเบี้ยประกันชีวิตที่เป็นทางลัดการถือบัตรเอกสิทธิ์นี้ ใช้ได้เฉพาะเบี้ยประกันปีแรกที่ตรงกับปีที่สมัครบัตรหรือต่ออายุบัตรเท่านั้น ดังนั้นในระหว่างที่ถือบัตร อย่าลืมทยอยสะสมเงินฝากและเงินลงทุนให้มีมูลค่ารวม 2 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อที่จะได้รับสิทธิต่ออายุบัตรได้ทันที โดยไม่ต้องลงทุนหรือซื้อประกันชีวิตเพิ่ม


V: รู้จักตัวเลือกเก็บเงินให้ชัด เพื่อเริ่มต้นเก็บเงิน

เมื่อรู้จักเอกสิทธิ์ KBank THE PREMIER Card และ KBank THE WISDOM Card แล้ว ก็ต้องรู้จักลักษณะเด่นของแต่ละทางเลือกเก็บเงิน เพื่อเลือกให้เหมาะกับตนเองและอยู่กับเงินเก็บนั้นได้อย่างมีความสุข เช่น

  • ประกันชีวิต ที่เบี้ยประกันลดหย่อนภาษีได้ปีละ 100,000 บาทแรก
  • ประกันบำนาญ ที่เบี้ยประกันลดหย่อนภาษีได้ สูงสุดปีละ 200,000 บาท


  • กองทุน Term Fund เป็นกองทุนที่มีกำหนดอายุโครงการโดยประมาณไว้ เช่น 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน มีประมาณการผลตอบแทนให้ทราบตั้งแต่ก่อนลงทุน เมื่อลงทุนแล้วจะไม่สามารถขายคืนก่อนครบระยะเวลา โดย Term Fund แต่ละกองทุนมีการเสนอขายเป็นช่วงสั้นๆ เช่น 1 สัปดาห์ โดยแต่ละสัปดาห์ Term Fund ที่เสนอขาย จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น
    • K-GB6MCJ (กองทุนเปิดเค พันธบัตร 6 เดือน CJ) ที่เสนอขายช่วง 14-20 ส.ค. 68 อายุโครงการ 6 เดือน มีประมาณการผลตอบแทน 1.15% ต่อปี
    • K-GB6MBW (กองทุนเปิดเค พันธบัตร 6 เดือน BW) ที่เสนอขายช่วง 14-19 ก.พ. 68 อายุโครงการ 6 เดือน ณ ตอนเสนอขายแจ้งประมาณการผลตอบแทนไว้ที่ 1.75% ต่อปี เสนอขายที่ราคา 10 บาทต่อหน่วย ซึ่งผู้ลงทุนกองทุนดังกล่าวได้รับเงินคืนหลังครบอายุกองทุนไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 68 ที่ราคา 10.0844 บาทต่อหน่วย หรือเทียบเท่าผลตอบแทน 1.75% ต่อปี ตรงกับที่ได้เคยประมาณการไว้ (ระยะเวลาลงทุน 176 วัน) ซึ่ง Term Fund ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ผลตอบแทนที่ได้รับจริงมักไม่ต่างจากที่ประมาณการไว้นัก
  • กองทุน Thai ESG เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนสินทรัพย์ในไทย ที่เกี่ยวข้องกับ ESG สิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ฯลฯ เช่น
    • K-ESGSI-ThaiESG เป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรที่กระทรวงการคลังคํ้าประกัน ความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 3 (จาก 8 ระดับ) ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ณ 14 ส.ค. 68 อยู่ที่ 15.68%
    • K-BL30-ThaiESG เป็นกองทุนผสม ที่ลงทุนในหุ้นไทยไม่เกิน 30% ของเงินลงทุน ที่เหลือลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ไทยเป็นหลัก ความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 5 (จาก 8 ระดับ) ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน ณ 14 ส.ค. 68 อยู่ที่ 9.31% (กองทุนจัดตั้งไม่ถึง 1 ปี)
  • กองทุน RMF ที่เน้นลงทุนระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ มีนโยบายหรือสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย เช่น
    • K-SFRMF เป็นกองทุนตราสารหนี้ เน้นลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นของไทย จึงมีความผันผวนต่ำ ความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 4 (จาก 8 ระดับ) ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ณ 14 ส.ค. 68 อยู่ที่ 2.87%
    • K-WPBALRMF เป็นกองทุนผสม ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก โดยทั่วไปลงทุนในหุ้นประมาณ 30% ของเงินลงทุน ความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 5 (จาก 8 ระดับ) ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ณ 14 ส.ค. 68 อยู่ที่ 5.29%

สำหรับผู้ที่อยากเก็บเงินด้วยกองทุนรวมกสิกรไทย สามารถเปิดบัญชีและลงทุนได้ด้วยตนเองบน K PLUS และหากต้องการลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษี Thai ESG / RMF สามารถเลือกตัดเงินจากบัญชีเงินฝากหรือบัตรเครดิตกสิกรไทยที่ผูกบัญชีกับ K PLUS ไปลงทุนได้ สำหรับผู้ที่ต้องการเก็บเงินผ่านประกันชีวิต สามารถติดต่อผู้ดูแลของท่านหรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาทั่วประเทศ


เก็บเงิน ลงทุน ลดหย่อนภาษี และการมีความคุ้มครองชีวิตที่เหมาะสม ล้วนเป็นองค์ประกอบการสร้างความมั่งคั่งที่เป็นประโยชน์กับตนเอง และสามารถใช้ขอรับเอกสิทธิ์พิเศษจากธนาคาร เพื่อให้ได้รับบริการแบบเซเลบ มีภาพลักษณ์ที่หรูหราดูแพง โดยไม่ต้องจ่ายเงินแพงๆ ไปกับของฟุ่มเฟือย เหมือนคนอื่น


ขอบคุณข้อมูลจาก : KBank THE PREMIER ,KBank THE WISDOM


หมายเหตุ:

  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-ESGSI-ThaiESG: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 3
    • K-SFRMF: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPBALRMF, K-BL30-ThaiESG: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-WPBALRMF: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
    • K-ESGSI-ThaiESG, K-BL30-ThaiESG: ป้องกันความเสี่ยงทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
    • K-SFRMF: ไม่มีการลงทุนต่างประเทศ
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+5 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 5 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+5) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันจันทร์ของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFRMF: T+1
    • K-ESGSI-ThaiESG, K-BL30-ThaiESG: T+2
    • K-WPBALRMF: T+5



คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTHราชันย์ ตันติจินดา CFP®

Back to top