ประเด็นร้อน: GDP ญี่ปุ่นดีเว่อร์เกินคาด แต่อย่าเพิ่งใจร้อนลงทุน

กดฟัง
หยุด
  • GDP ญี่ปุ่น ไตรมาส 2/68 เติบโตดีกว่าคาด และโตดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม K WEALTH มองว่าการส่งออกและการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต ยังถูกกดดันอยู่
  • K WEALTH ยังคงมุมมองการลงทุนเป็นกลาง (Neutral) ต่อหุ้นญี่ปุ่น ผู้ที่มีอยู่ยังคงถือต่อได้ แต่หากมีเงินใหม่ต้องการลงทุน แนะนำกองทุนกลุ่มอื่น เช่น K-GSELECT K-GPINUH แทน

15 ส.ค. 68 ประกาศ GDP ไตรมาส 2/68 ออกมาดีกว่าที่คาด

  • เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัว 0.3% QoQ ในไตรมาสที่สอง สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 0.1% และสูงกว่าการขยายตัว 0.2% ในไตรมาสแรก หรือคิดเป็นการขยายตัวที่อัตรา 1.0% ต่อปี (annualized) ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ตลาดที่ประมาณ 0.4% และสูงกว่าช่วงไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ปรับเพิ่มเป็น 0.6%
  • การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 0.2% QoQ การลงทุนของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 1.3% QoQ
  • ด้านการส่งออกสุทธิขยายตัว 0.3% QoQ ฟื้นตัวจาก -0.8% QoQ ในช่วงไตรมาสแรก จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 2.0% QoQ

ความเห็นจาก K WEALTH

  • แม้ภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเติบโตได้ดีในไตรมาสที่ผ่านมา แต่จากแรงกดดันด้านภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก คาดว่าจะกดดันการส่งออกและการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต
  • ทั้งนี้ เศรษฐกิจที่เติบโตได้ดี และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมายของ BoJ ที่ 2% อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่า BoJ อาจกลับมาขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน ต.ค. 68 นี้

คำแนะนำการลงทุน

ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นญี่ปุ่น เช่น K-JP-A(D) K-JPX-A(A) K WEALTH ยังคงมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อหุ้นญี่ปุ่น (มุมมอง ณ เดือน ส.ค. 68) โดยมองว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่น ยังทรงตัว แม้ไม่ได้น่าสนใจจนควรรีบลงทุนเพิ่ม แต่ก็ยังคงถือต่อได้ ดังนั้น

  • หากมีกำไรจากกองทุนหุ้นญี่ปุ่น หรือถือกองทุนหุ้นญี่ปุ่น รวมเกิน 20% ของเงินลงทุน แนะนำพิจารณาขายบางส่วนไปลงทุนกองทุนอื่น เช่น K-GSELECT, K-INDIA ซึ่ง K WEALTH มีมุมมองค่อนข้างบวก (Slightly Positive) หรือลงทุนในกองทุน Core Portfolio อย่าง K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED
  • หากขาดทุนจากกองทุนหุ้นญี่ปุ่น ยังสามารถถือต่อได้ หรือคงน้ำหนักการลงทุนหากยังถือกองทุนในภูมิภาคนี้ไม่เกิน 20% ของเงินลงทุน
  • สำหรับผู้ที่ยังไม่ถือกองทุนหุ้นญี่ปุ่น ให้รอประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน

สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ แนะนำให้เน้นกระจายความเสี่ยงเป็นหลัก โดยแนะนำทยอยสะสมกองทุนหลัก (Core Portfolio) เช่น K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน เพื่อสร้างความมั่นคงระยะยาว อย่างไรก็

  • สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย สามารถเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ไทยที่มีความผันผวนต่ำ ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และได้รับผลกระทบจำกัดจากความไม่แน่นอนทางการค้า เช่น K-SFPLUS และ K-FIXEDPLUS
  • สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ โดยต้องการความมั่นคงและความผันผวนต่ำ (Defensive) แนะนำกอง K-GPINUH ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้น Defensive ทั่วโลก พร้อมการขาย Option เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ต เหมาะกับช่วงตลาดที่มีความไม่แน่นอนสูง
  • สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น อาจพิจารณาทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งผ่านกองทุน K-GSELECT

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-JPX-A(A), K-JP-A(D) K-INDIA-A, K-GPINUH, K-GSELECT ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง ไม่น้อยกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-JPX-A(A), K-JP-A(D): ป้องกันความเสี่ยง ไม่น้อยกว่า 75%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-GSELECT: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
    • K-INDIA-A: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
    • K-GPINUH: ไม่ป้องกันความเสี่ยง
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-GPINUH, K-GSELECT, K-JPX-A(A): T+3
    • K-INDIA-A, K-JP-A(D): T+4
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6


คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

“ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top