-
ตั้งแต่ต้นปี 2025 ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่ากว่า 5% สาเหตุหลักเป็นเพราะ 1) เงินดอลลาร์อ่อนค่า และ 2) เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตราสารหนี้เอเชียรวมถึงไทย
-
แนวโน้มค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 2025 ห้องค้ากสิกรไทยประเมินไว้ที่ 33.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเทียบต้นปี จากดอลลาร์ที่ยังมีโอกาสอ่อนค่าต่อ, ราคาทองคำที่อยู่ระดับสูง อย่างไรก็ตามค่าเงินยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แนะติดตามทั้งแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ Fed ท่าที ปธน. ทรัมป์ และกระแสเงินฝากดอลลาร์ผ่านบัญชี FCD ในไทย
-
ถ้ามองว่า บาทแข็ง → ลงทุนกองทุนต่างประเทศที่ ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (เช่น K-GDBOND) แต่ ถ้ามองว่า บาทอ่อน → ลงทุนกองทุนที่ ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (เช่น K-GDBONDUH, K-GSF(UH)) จะได้ประโยชน์จากค่าเงิน
หนึ่งในปัจจัยที่ไม่ว่าคุณจะเป็นสายลงทุน สายท่องเที่ยว หรือผู้ประกอบการ จับจ้องในช่วง 6-7 เดือนแรกของปีนี้ คงหนีไม่พ้นค่าเงินบาท เพราะว่าแข็งค่ากว่า 5% จาก 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ช่วงต้นปี มาอยู่แถว 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ วันนี้ K WEALTH จะพามาเจาะลึกผ่านมุมมองของทาง CMB (Capital Market Business หรือห้องค้ากสิกรไทย) ถึงเบื้องหลังการแข็งค่านี้ พร้อมแนวโน้มในระยะข้างหน้า รวมถึงคำแนะนำการลงทุนในทุกภาวะค่าเงิน
ทำไมเงินบาทถึงแข็งค่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2025
สาเหตุหลักที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า มี 2 สาเหตุ
-
เงินดอลลาร์อ่อนค่า: ถ้าไปดูกราฟค่าเงินไม่ว่าจะเป็นเงินบาทหรือเงินสกุลใดๆ เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จะเห็นว่าแข็งค่าเทียบดอลลาร์ทั้งสิ้น เพราะว่านักลงทุนเริ่มคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว (เห็นจากตัวเลขจ้างงานล่าสุดเดือน ก.ค. ที่ต่ำกว่าคาดมาก) ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่อิงค่าเงินดอลลาร์ เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ น่าสนใจน้อยลง นักลงทุนจึงย้ายเงินไปหาสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนดีกว่า พอเริ่มย้ายมากเข้า แปลว่าความต้องการดอลลาร์น้อยลง ดอลลาร์จึงอ่อนค่า
ที่มา: CMB
-
เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตราสารหนี้เอเชีย: จากที่ได้เล่าไปตอนต้นว่าเงินไหลออกจากสหรัฐฯ แล้วเงินไหลไปไหน ? คำตอบคือตราสารหนี้เอเชีย รวมถึงไทย พอเม็ดเงินไหลเข้าประเทศแปลว่าความต้องการเงินบาทมีมากขึ้น เงินบาทจึงแข็งค่า ดังนั้นเมื่อตลาดเริ่มเก็งว่า กนง. จะมีการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินจึงไหลเข้าตราสารหนี้ไทยน้อยลง บาทจึงค่อยๆ อ่อนค่าในช่วง 1-2 เดือนหลัง
แนวโน้มของค่าเงินบาท
ทางห้องค้ากสิกรไทย (CMB) มีการปรับคาดการณ์ค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 68 ไว้ที่ 33.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ ก.ค. 68 (เดิมมองที่ 35.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 67 จาก
- ค่าเงินดอลลาร์ดูมีแนวโน้มอ่อนค่าอีก โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ของเดือน ก.ค. ที่ออกมาแย่กว่าตลาดคาดค่อนข้างมาก นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องทรัมป์ทั้งภาษีการค้าและนโยบาย OBBBA (One Big Beautiful Bill Act) ที่ทำให้แนวโน้มหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ดูน่ากังวล ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ดูมีแนวโน้มจะอ่อนค่าอีก
ทองคำราคายืนสูง แม้ว่าราคาจะขึ้นมามากแล้ว แต่ราคาทองยังอยู่ในระดับสูง และแนวโน้มการซื้อทองเก็บในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ ยิ่งคนแห่ซื้อทอง บาทก็ยากที่จะอ่อนค่าเพราะความต้องการเงินบาทเพื่อซื้อทองมีมากขึ้นนั่นเอง
ที่มา: CMB
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินต่อ:
-
ทิศทางดอกเบี้ยของ Fed: โดยเฉพาะการประชุมรอบที่เหลือของปีว่าสรุปจะลดดอกเบี้ยทั้งหมดกี่ครั้ง หากมีการลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาด ค่าเงินดอลลาร์ก็จะยิ่งอ่อนค่าลงไปอีกเมื่อเทียบกับเงินบาท
-
นโยบายทรัมป์ โดยเฉพาะนโยบาย OBBBA ที่ทำให้ตลาดกังวลเรื่องหนี้สาธารณะ ต้องติดตามเป็นระยะว่าสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ จะมีมาตรการรองรับหนี้ที่มีแนวโน้มพุ่งสูงอย่างไร หรือจะมีนโยบายอะไรงอกมาเพิ่ม ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ทั้งสิ้น
-
กระแสเงินฝากดอลลาร์ (FCD) ในไทย อ้างอิงข้อมูลจากห้องค้ากสิกรไทย เงินฝาก FCD พุ่งสูงขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 30,000 ล้าน USD ในปี 2025 ถ้าคนแห่มาถอนเงินออกในภาวะที่เศรษฐกิจไทยอาจจะซบเซา คนต้องการสภาพคล่อง บวกกับแนวโน้ม Fed ลดดอกเบี้ยที่พูดถึงตอนต้น อาจทำให้เกิดแรงขายดอลลาร์ออกจากบัญชี FCD ก็จะทำให้บาทแข็งขึ้นอีก
ที่มา:CMB
ทางเลือกลงทุนถ้าอยากเก็งทิศทางค่าเงินบาท
การลงทุนบนค่าเงิน ก็เหมือนลงทุนในสินทรัพย์ทั่วไป ที่ถ้าเรามองถูกทางและเข้าลงทุนถูกจังหวะ เราก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ ดังนั้นคำแนะนำการลงทุน ก็คือเราต้องเลือกข้าง ว่าเรามองว่าค่าเงินบาทจะแข็งหรือจะอ่อนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์
1) ถ้าเก็งว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่า: แนะนำกองทุนที่ลงทุนต่างประเทศแบบป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เพราะเวลาแปลงกลับมาเป็นเงินบาทแล้วจะไม่เสียประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาท กองทุนแนะนำ เช่น
a. K-GDBOND: กองทุนตราสารหนี้ที่คุณภาพดีทั่วโลก ที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง บริหารโดยผู้นำด้านตราสารหนี้โลกอย่าง PIMCO
2)ถ้าเก็งว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่า: แนะนำกองทุนที่ลงทุนต่างประเทศแบบไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เพื่อให้ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า กองทุนแนะนำ เช่น
a.K-GDBONDUH กองทุนตราสารหนี้เหมือนข้างบน แต่ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ดังนั้นจะได้ประโยชน์ทั้งขาดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก และ Capital Gain ส่วนเพิ่มหากค่าเงินบาทอ่อนค่า
b.K-GSF(UH) กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น (ไม่เกิน 6 เดือน) สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่อยากได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงและค่าเงินบาทที่อ่อนค่า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: ห้องค้ากสิกรไทย