-
Rare Earth คือกลุ่มธาตุโลหะ 17 ตัวที่มีคุณสมบัติพิเศษและสำคัญต่ออุตสาหกรรมผลิตยุคใหม่เช่น มือถือ, รถยนต์ EV, กังหันพลังงานลม, และความมั่นคงชาติเช่นเครื่องบินทางทหาร โดยปัจจุบัน ยังไม่มีวัตถุดิบไหนที่สามารถมาทดแทนได้
ปัจจุบัน จีนเป็นผู้เล่นหลักในตลาด Rare Earth ทั้งด้านการผลิตและการสกัด ทำให้ Rare Earth กลายเป็น “อาวุธเชิงยุทธศาสตร์” ในยุคที่การค้าเสรีถูกท้าทาย และความมั่นคงทางทรัพยากรกลายเป็นวาระระดับชาติที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ต้องเข้ามามีบทบาท
-
การลงทุนในธีม Rare Earth จึงไม่ใช่แค่การลงทุนในวัตถุดิบหายาก แต่ยังสะท้อนการลงทุนในกระแส Protectionism, ความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์, และโอกาสการกลับมาของเงินเฟ้อโลก
-
สำหรับนักลงทุนที่สนใจ มีทางเลือกใหม่คือ กองทุน DAOL-RARE ซึ่งลงทุนโดยตรง (Pure Play) ใน VanEck Rare Earth and Strategic Metals ETF ที่กระจายการลงทุนไปยังบริษัทผู้ผลิต Rare Earth สำคัญทั่วโลก ครอบคลุมสหรัฐฯ จีน ออสเตรเลีย ชิลี และประเทศอื่น ๆ
ก่อนอื่น อะไรคือแรร์เอิร์ธ?
ธีมลงทุนในแรร์เอิร์ธ
เรายังปฏิเสธไม่ได้ว่าการลงทุนใน Thematic Investment อย่าง Rare Earth ถึงจะมีความน่าสนใจแต่ก็มีความเป็น cyclical สูง พูดง่ายๆ คือต้องหาจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าลงทุน เพราะผลตอบแทนจะค่อนข้างผันผวนในแต่ละช่วงเวลา ยกตัวอย่างเช่น หากลงทุนในกองทุนหลัก VanEck Rare Earth ETF ตั้งแต่ต้นปี ผลตอบแทนจะอยู่ที่ 26% สูงกว่าผลตอบแทนของดัชนี Nasdaq 12% และ S&P 10% อย่างมีนัยยะ แต่ หากเราลงทุนในช่วงปี 2021 ที่มูลค่ากองทุนเคยขึ้นไปสูงมากนั้น ถึงปัจจุบันเราจะยังเห็นเงินลงทุนนั้นติดลบอยู่ที่ประมาณ -50%
ดังนั้น เราควรรู้ว่าการลงทุนในธีมนี้มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยไหนของเศรษฐกิจบ้างก่อนตัดสินใจลงทุน
- ความอ่อนไหวต่อความแข็งแกร่งของค่าเงินดอลลาร์:
เนื่องจาก Rare Earth ยังถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์เหมือน Commodity อื่นๆ จากภาพด้านบนจะเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงของเงินดอลลาร์ (Dollar Index) มีความสัมพันธ์ผกผันอย่างชัดเจนกับผลตอบแทนของ VanEck Rare Earth and Strategic Metals ETF ดังนั้นถ้าอ้างอิงความสัมพันธ์ในอดีต การอ่อน/แข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์จึงอาจเป็นปัจจัยหลักต่อผลตอบแทนของกองทุนนี้
- อัตราเงินเฟ้อของโลกและประเทศผู้บริโภคสำคัญอย่างสหรัฐฯ
ผลตอบแทนในอดีตของ VanEck Rare Earth ETF นั้นมีความสัมพันธ์โดยตรงกับอัตราเงินเฟ้อของโลกและของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Rare Earth เป็นส่วนประกอบ หมายความว่าหากเงินเฟ้อกลับมาเร่งตัวในช่วงเศรษฐกิจร้อนแรง ผลตอบแทนของกองทุนหลักก็อาจปรับเพิ่มขึ้นได้
โดยสรุป ผลตอบแทนจากธีมการลงทุนใน Rare Earth มีส่วนประกอบจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยมหภาคอย่าง Geopolitical Risk ระหว่างประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจในระดับประเทศเช่นเงินเฟ้อและค่าเงิน
ที่มา: Bloomberg, Tradingview
นำเสนอกองทุนใหม่ DAOL-RARE
หากผู้อ่านมีความสนใจในการลงทุน Thematic อย่าง Rare Earth ในช่วงที่ผ่านมามีกองทุนเปิดใหม่อย่าง DAOL-RARE ที่เพิ่ง IPO ไปในช่วงวันที่ 21 – 27 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา กองทุนนี้ลงทุนในกองทุนหลัก VanEck Rare Earth and Strategic Materials ETF ซึ่งลงทุนแบบ Thematic Pure Play ในบริษัทผู้ผลิตแร่หายาก โดยแบ่งเป็นสัดส่วนลงทุนตามภาพประกอบด้านล่าง
(อ้างอิงข้อมูลกองทุนแม่เมื่อ 31 กรกฎาคม 2568)
ผลตอบแทนย้อนหลังเมื่อเทียบกับ Benchmark อย่าง The MVIS® Global Rare Earth/Strategic Metals Index
สำหรับผู้อ่านที่สนใจลงทุนในกองทุนนี้ ก็สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและเริ่มลงทุนได้ง่ายๆ ผ่านแอพ K PLUS ไปที่เมนูลงทุน
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมตามลิงก์นี้ได้เลย
https://www.kasikornbank.com/th/personal/digital-banking/pages/kplus-investment.aspx
ขอขอบคุณข้อมูลจาก:
- VanEck Asset Management
- DAOL Investment Management Company Limited
- The International Energy Agency (IEA)
- Center for Strategic & International Studies – Project ChinaPower
- Statista – mining of rare earths by country
- ECONOFACT