ตลาดตราสารหนี้ ส.ค. 68 Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้น กนง. มีมติปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่3ของปี กองทุนตราสารหนี้กสิกรยังบวกต่อเนื่อง 8 เดือนติดต่อกันในปีนี้

อัปเดตภาพรวมกองทุนตราสารหนี้ ฉบับเดือน ก.ย. 68

ตลาดตราสารหนี้ ส.ค. 68 Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้น กนง. มีมติปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่3ของปี กองทุนตราสารหนี้กสิกรยังบวกต่อเนื่อง 8 เดือนติดต่อกันในปีนี้

กดฟัง
หยุด
  • ในเดือนสิงหาคม 2568 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง หลังประธาน Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้นที่งาน Jackson Hole และ กนง. มีมติปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ส่งผลให้ Bond Yield ไทยปรับลดต่อเนื่อง
  • กองทุนตราสารหนี้ของกสิกรไทยยังคงทำผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
  • K WEALTH มองว่าตราสารหนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในปีนี้ จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังเป็นขาลง ยังคงแนะนำลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ เพื่อเสริมเสถียรภาพและลดความผันผวนในพอร์ต

ทิศทาง Bond Yield สหรัฐฯ และไทย ลดลงในเดือนสิงหาคม 2568

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (US Bond Yield) ในเดือน ส.ค. ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน
    • US Bond Yield อายุ 2 ปี ปรับตัวลดลงจาก 3.95% ณ สิ้นเดือน ก.ค มาอยู่ที่ 3.62% ณ สิ้นเดือน ส.ค.
    • US Bond Yield อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงจาก 4.37% ณ สิ้นเดือน ก.ค มาอยู่ที่ 4.23% ณ สิ้นเดือน ส.ค.

    ถ้อยแถลงสำคัญจากนาย Jerome Powell ประธาน Fed ที่งาน Jackson Hole ในวันที่ 21-23 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC รอบเดือนกันยายน โดยให้น้ำหนักกับความเสี่ยงด้านตลาดแรงงานที่อ่อนแอมากขึ้น ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นว่า Fed มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน นอกจากนี้ ปธน. ทรัมป์ยังมีความพยายามที่จะมีอิทธิพลต่อนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกดดันนาย Jerome Powell ให้รีบทำการปรับลดดอกเบี้ย รวมไปถึงความพยายามในการสั่งปลด หนึ่งในผู้ว่าการ Fed ซึ่งนับเป็นการเข้าแทรกแซงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบกว่า 100 ปี


    ทำให้ตลาดมองว่ามีโอกาสกว่า 88.2% ที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 17 ก.ย.นี้และยังมีโอกาสจะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติ่มอีกในการประชุมอีก 2 ครั้งนี้เหลือในปีนี้อีกด้วย (ข้อมูล CME Fed Watch, 9 ก.ย. 2568)


  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทย (TH Bond Yield) ในเดือน ส.ค. ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2568
    • TH Bond Yield อายุ 2 ปี ลดลงสู่ 1.14% ณ สิ้นเดือน ส.ค. จาก 1.997% ช่วงต้นปี
    • TH Bond Yield อายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.29% ณ สิ้นเดือน ส.ค. จาก 2.25% ช่วงต้นปี

    โดยได้แรงหนุนจากวันที่ 13 ส.ค. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50% ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง ในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือของปีนี้ มาอยู่ที่ 1.25% ภายในสิ้นปี เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน ประกอบกับถ้อยแถลงของกนง. ระบุว่า นโยบายการเงินในระยะข้างหน้าควรอยู่ในระดับผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ


    นอกจากนี้ การประชุมกนง. ครั้งถัดไปยังมีปัจจัยสำคัญเพิ่มเติมคือ การเปลี่ยนผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ (นายวิทัย รัตนากร มีผล 1 ต.ค.) และกรรมการบางรายที่ครบวาระ ซึ่งอาจมีผลต่อแนวทางนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายขึ้นในช่วงระยะถัดไป


กองทุนตราสารหนี้กสิกรไทย ตอกย้ำความสม่ำเสมอ ผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อตลาดตราสารหนี้ กองทุนตราสารหนี้ของกสิกรไทยยังคงทำผลตอบแทนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถทำกำไรได้ติดต่อกัน 8 เดือน นับตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนส.ค. 2568 กองทุน K-SF-A +1.31%, K-SFPLUS-A +1.57%, K-FIXED-A +4.18% และ K-FIXEDPLUS-A +4.28%


ดอกเบี้ยขาลง…ยังไม่จบแค่นี้ !!



หลังการปรับลดดอกเบี้ยครั้งทึ่ 3 ของไทยในปีนี้ สิ่งที่นักลงทุนสัมผัสได้ชัดเจนที่สุดคือ ผลตอบแทนจากเงินฝากที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งเงินฝากประจำและบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารต่าง ๆ ที่เริ่มทยอยปรับลดดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยนโยบายของไทย โดยปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปีของ 4 ธนาคารใหญ่ ลดลงจาก 1.475% เมื่อต้นปี เหลือเพียง 1.11% ณ สิ้นเดือนสิงหาคม ขณะที่นักลงทุนใน Term Fund ก็เผชิญแนวโน้มเดียวกัน เนื่องจากดอกเบี้ยที่ได้รับมีโอกาสปรับลดลงต่อ


ในทางกลับกัน กองทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะกองทุนที่มี Duration ระดับกลางถึงยาว กลับได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากภาวะดอกเบี้ยขาลง ทั้งในแง่ของราคาตราสารหนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้น และกระแสเงินสดที่ยังคงสม่ำเสมอจากพอร์ตที่เคยล็อกผลตอบแทนไว้ในช่วงที่ Yield อยู่ระดับสูง


ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ กองทุน K-FIXED-A ซึ่งมีผลการดำเนินงานเชื่อมโยงกับวัฏจักรดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญ หากย้อนดูผลตอบแทนของกองทุน K-FIXED-A ตั้งแต่ปี 2000 ตามภาพด้านบน จะเห็นว่าทุกครั้งที่ไทยเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ผลตอบแทนของกองทุนมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง


นอกจากนี้ แรงสนับสนุนจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลงหลังจาก Fed ส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยในอนาคต จะเป็นแรงเสริมเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงตลาดไทยด้วย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนชี้ให้เห็นภาพเดียวกันว่า วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงยังไม่สิ้นสุด และยังคงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้


คำแนะนำในการลงทุน

สำหรับนักลงทุนระยะสั้น

เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก เน้นความสม่ำเสมอ มีสภาพคล่องสูง เพื่อพักเงินระยะสั้น

  • K-SF-A: ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งในและต่างประเทศ สภาพคล่องสูง (แนะนำลงทุน 3 เดือนขึ้นไป)
  • K-SFPLUS-A: ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งในและต่างประเทศ สภาพคล่องสูง (แนะนำลงทุน 6 เดือนขึ้นไป)

สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว

เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทน และสามารถรับความผันผวนเพื่อโอกาสที่มากกว่า

  • K-FIXED-A: ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาวในประเทศเท่านั้น Duration > 1 ปี (แนะนำลงทุน 1 ปีขึ้นไป)
  • K-FIXEDPLUS-A: ลงทุนในตราสารหนี้ไทย 80% และตราสารหนี้ต่างประเทศ 20% ระยะกลาง-ยาว Duration > 1 ปี (แนะนำลงทุน 1 ปีขึ้นไป)