สหรัฐฯ ปรับลดตัวเลขจ้างงานลงแรง 911,000 ตำแหน่ง เผยตลาดแรงงานอ่อนแอกว่าที่คาด เพิ่มโอกาสให้ Fed ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น

ประเด็นร้อน : สหรัฐฯปรับตัวเลขแรงงานใหม่ เหลือ 911,000 ตำแหน่ง

สหรัฐฯ ปรับลดตัวเลขจ้างงานลงแรง 911,000 ตำแหน่ง เผยตลาดแรงงานอ่อนแอกว่าที่คาด เพิ่มโอกาสให้ Fed ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น

กดฟัง
หยุด
  • ตลาดแรงงานสหรัฐฯ อ่อนแรง ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรถูกปรับลดลง 911,000 ตำแหน่ง สะท้อนว่าที่ผ่านมามีการประเมินแรงงานเกินจริง โดยเฉพาะภาคบริการที่ได้รับผลกระทบหนัก
  • เศรษฐกิจที่ชะลอมีโอกาส Fed ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น การจ้างงานเฉลี่ยเหลือเพียง 71,000 ตำแหน่ง/เดือน (จาก 147,000) ชี้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาด

สหรัฐฯ ปรับแก้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร

การปรับลด (Revision) ข้อมูลการจ้างงานลงมากกว่าคาด

  • ตัวเลข ปรับลดลง 911,000 ตำแหน่ง ณ เดือนมีนาคม 2025
  • การปรับลดนี้อยู่ในระดับ สูงกว่าที่ตลาดคาดและถือว่ามีนัยยะสำคัญ
  • ข้อมูลจาก Quarterly Census of Employment and Wages (QCEW) ซึ่งถือว่าแม่นยำกว่าระบบสำรวจรายเดือน

หากแนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงที่การลดลงของการจ้างงานจากการสำรวจภาคครัวเรือน สูงถึง 500,000 ตำแหน่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวมีการประเมิน ความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานเกินจริง ตัวเลขการปรับปรุงของการจ้างงานนอกภาคการเกษตรบ่งชี้ว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของการจ้างนอกภาคเกษตรรายเดือนตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 ถึงเดือนมีนาคม 2025 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 71,000 ตำแหน่งต่อเดือน แทนที่จะเป็น 147,000 ตำแหน่งต่อเดือนก่อนหน้า


โดยภาคบริการ (Service sectors) ปรับลดหนักสุด:

  • Leisure & Hospitality: ลดลงเฉลี่ย 15,000 ตำแหน่งต่อเดือน
  • Professional & Business Services: ลดลง 13,000 ตำแหน่งต่อเดือน
  • Retail Trade (ค้าปลีก): ลดลง 10,000 ตำแหน่งต่อเดือน

ภาคบริการซึ่งเคยเป็นแหล่งเติบโตหลักของตลาดแรงงาน กลับกลายเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดความต่างนี้ ถือว่ามีนัยยะต่อการดำเนินนโยบายและมุมมองตลาดแรงงานอย่างชัดเจน


มุมมองต่อการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้

  • ตลาดแรงงานอ่อนแอกว่าที่คาดโดยการปรับตัวเลขจ้างงานลงมาก ทำให้ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐดูอ่อนแอกว่าที่คิดไว้ก่อนหน้า
  • เป็นสัญญาณเตือนว่า ภาพรวมเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวน้อยกว่าที่ตลาดเชื่อ เพิ่มโอกาสให้Fed ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น

คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐ
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 30% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 30% แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน”
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐ
    • สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐ “รอโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ”
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-USA-A(A), K-USXNDQ-A(A): ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-USA-A(A), K-USXNDQ-A(A): ป้องกันความเสี่ยง ไม่น้อยกว่ากว่า 75%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-USA-A(A), K-USXNDQ-A(A): T+6

คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”, “ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top