กองทุนตราสารหนี้ ทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงดอกเบี้ยขาลง บทความนี้จะช่วยให้เลือกกองทุนตราสารหนี้ผลตอบแทนดีที่เหมาะกับตัวเองได้

กองทุนตราสารหนี้ 2568 ลงทุนง่าย ผลตอบแทนดี

กองทุนตราสารหนี้ ทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงดอกเบี้ยขาลง บทความนี้จะช่วยให้เลือกกองทุนตราสารหนี้ผลตอบแทนดีที่เหมาะกับตัวเองได้

กดฟัง
หยุด
  • ในช่วงดอกเบี้ยขาลง ราคาตราสารหนี้ปรับตัวขึ้น ผู้ถือกองทุนตราสารหนี้อยู่จึงได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคาที่สูงขึ้นเมื่อขายหน่วยลงทุน
  • ​ ​ แนะนำลงทุนกองทุนตราสารหนี้ให้เหมาะกับวัตถุประสงค์และระยะเวลาในการลงทุน โดยกองทุนตราสารหนี้แนะนำ ได้แก่ กองทุน K-SF-A, K-FIXEDPLUS-A, K-GDBOND-A(A)

ช่วงนี้กองทุนตราสารหนี้กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุน นอกจากความเสี่ยงต่ำ ลงทุนง่าย และช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนแล้ว ยังได้ประโยชน์ในช่วงที่แนวโน้มดอกเบี้ยเป็นขาลงอีกด้วย แล้วกองทุนตราสารหนี้กองไหนมีโอกาสให้ผลตอบแทนดีและเหมาะกับเรา บทความนี้มีมาแนะนำ


กองทุนตราสารหนี้ผลตอบแทนดี ใครว่าไม่มี

หากดูผลตอบแทนกองทุนตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่าเป็นบวกติดต่อกันนับตั้งแต่ต้นปี เช่น​

  • ​กองทุน K-FIXEDPLUS-A +4.32%​
  • กองทุน K-GDBOND-A(A) +3.88%​

​(ข้อมูล ณ 19 ก.ย. 68)


และเมื่อดูผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี จะพบว่า​

  • กองทุน K-FIXEDPLUS-A +5.15% ต่อปี​
  • ​กองทุน K-GDBOND-A(A) +2.44% ต่อปี​​​

(ข้อมูล ณ 19 ก.ย. 68)


ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต


สาเหตุที่กองทุนตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนดีเกิดจากช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางทั่วโลกปรับลดดอกเบี้ย​

  • สหรัฐอเมริกา

    จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในเดือน ก.ย. 68 มีมติปรับลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ถือเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบปี ซึ่งดอกเบี้ยสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในตัวชี้นำดอกเบี้ยของประเทศอื่นๆ ด้วย​

  • ไทย

    ในขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในเดือน ส.ค. 68 ก็มีมติ ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50% ทำให้ราคาตราสารหนี้ปรับตัวขึ้น


    นอกจากธนาคารกลาง 2 แห่งที่กล่าวถึงข้างต้น ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ก็เริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น โดยการลดดอกเบี้ยและมีแนวโน้มจะปรับลดลงอีกในการประชุมครั้งถัดไป โดย Fed ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งจะยังส่งผลดีต่อราคาตราสารหนี้อยู่ รวมถึง กนง. ก็ยังมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยลงอีกเช่นกัน จึงสรุปได้ว่าแนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังเป็นขาลง

ดอกเบี้ยขาลงส่งผลดีต่อกองทุนตราสารหนี้

การลดดอกเบี้ยส่งผลดีต่อกองทุนตราสารหนี้ เพราะทำให้ราคาตราสารหนี้ปรับตัวขึ้นเนื่องจากตราสารหนี้เดิมมีความน่าสนใจมากกว่าตราสารหนี้ออกใหม่ที่ให้ผลตอบแทนลดลง ผู้ลงทุนที่ถือกองทุนตราสารหนี้อยู่จึงได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคาที่สูงขึ้นเมื่อขายหน่วยลงทุน โดยเฉพาะกองทุนที่มีอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว จะได้รับประโยชน์มากกว่าในช่วงที่ดอกเบี้ยเป็นขาลงจากการล็อกดอกเบี้ยที่ดีในระยะยาว


ตัวอย่าง

​​มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนตราสารหนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากกนง. ประกาศลดดอกเบี้ยในวันที่ 13 ส.ค. 68 ที่ผ่านมา โดยมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุน K-FIXEDPLUS-A ปรับตัวขึ้น 3 วันติดต่อกันดังนี้


วันที่​​​
​มูลค่าหน่วยลงทุน
เปลี่ยนแปลง
​14/08/68​
​11.7505
​+0.0202 | 0.1722% 
​15/08/68
​11.7513
​+0.0008 | 0.0068% 
​18/08/68
​11.7599
​+0.0086 | 0.0732% 

หลังจาก Fed ประกาศลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. 68 ที่ผ่านมา มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุน K-FIXEDPLUS-A ก็ปรับตัวขึ้น 3 วันติดต่อกันดังนี้


วันที่
​มูลค่าหน่วยลงทุน
​เปลี่ยนแปลง
​18/09/68
​11.7704
​+0.0114 | 0.0969% 
​19/09/68
​11.7793
​+0.0089 | 0.0756% 
​22/09/68
​11.7832
​+0.0039 | 0.0331% ​

เปรียบเทียบกองทุนตราสารหนี้กับหุ้นกู้

หากลองเปรียบเทียบกองทุนตราสารหนี้กับหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ระดับ A- ขึ้นไป ซึ่งเสนอขายในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. 68 ในด้านต่างๆ จะพบว่า

  • ​ผลตอบแทน กองทุนตราสารหนี้มีโอกาสให้ผลตอบแทนมากกว่าหุ้นกู้ แต่ไม่การันตีผลตอบแทน เนื่องจากหุ้นกู้อายุ 5 ปี เสนออัตราดอกเบี้ยที่ 2-3% ต่อปี ในขณะที่กองทุนตราสารหนี้ระยะยาวมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
  • ​​สภาพคล่อง กองทุนตราสารหนี้มีสภาพคล่องสูงกว่าหุ้นกู้เนื่องจากหากต้องการขายคืนหน่วยลงทุนก็สามารถขายได้ทันที ไม่ต้องรอครบกำหนดไถ่ถอนตามอายุหมือนอย่างหุ้นกู้
  • ตราสารที่ลงทุน กองทุนตราสารหนี้สามารถลงทุนได้ทั้งตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของกองทุนนั้นๆ ซึ่งมีความหลากหลายของตราสารที่ลงทุนมากกว่าหุ้นกู้
  • ​รอบการลงทุน กองทุนตราสารหนี้สามารถลงทุนเมื่อไรก็ได้ ไม่ต้องรอรอบเสนอขายตามระยะเวลาที่กำหนดเหมือนอย่างการลงทุนในหุ้นกู้

แนะนำกองทุนตราสารหนี้ที่เหมาะกับวัตถุประสงค์และระยะเวลาในการลงทุน

สำหรับคนที่สนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ แนะนำให้เลือกกองทุนตราสารหนี้ที่เหมาะกับวัตถุประสงค์และระยะเวลาในการลงทุนของตัวเอง

  • คนที่ต้องการพักเงินระยะสั้น เพื่อเสริมสภาพคล่อง มีระยะเวลาลงทุน 3 เดือนขึ้นไป แนะนำ
    • ​กองทุน K-SF-A ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน และเงินฝากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
  • คนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น ระยะเวลาลงทุน 1 ปีขึ้นไป แนะนำ
    • กองทุน K-FIXEDPLUS-A ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน และเงินฝากทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    • กองทุน K-GDBOND-A(A) ลงทุนในกองทุน PIMCO GIS Income Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้และหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้ทั่วโลก

ตารางเปรียบเทียบกองทุนตราสารหนี้


กองทุน
วัตถุประสงค์การลงทุน
ระยะเวลาลงทุนแนะนำ
จุดเด่น
K-SF-A
ต้องการพักเงินระยะสั้น
3 เดือนขึ้นไป
คัดเลือกตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสูง
ระดับ Investment grade
K-FIXEDPLUS-A
ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น
1 ปีขึ้นไป
คัดเลือกตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสูง
ระดับ Investment grade
K-GDBOND-A(A)
ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น
1 ปีขึ้นไป
ใช้กลยุทธ์การลงทุนในหลายภาคส่วน ทั่วโลก กระจายในตราสารหนี้หลากหลายประเภท

กองทุนตราสารหนี้เป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจอย่างยิ่งในช่วงดอกเบี้ยขาลง และเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุนกองทุนรวมหรือนักลงทุนมือเก๋าที่ต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยเลือกลงทุนกองทุนตราสารหนี้ให้เหมาะกับวัตถุประสงค์และระยะเวลาในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก๋าก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ได้


หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SF-A, K-FIXEDPLUS-A: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-GDBOND-A(A): ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SF-A: ป้องกันความเสี่ยง 100% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่า 90% ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-GDBOND-A(A): ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SF-A: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A, K-GDBOND-A(A): T+2

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บลจ.กสิกรไทย, ThaiBMA



คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTHสุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®

Back to top