AI ลงทุนช่วยได้จริงหรือ? สรุป 3 สิ่งที่ต้องระวังก่อนให้ ChatGPT, Gemini หรือ Copilot จัดพอร์ตให้คุณ รวมถึงข้อผิดพลาดเรื่องอารมณ์ตลาด, ข้อมูลไม่ตรง, และการป้อนคำสั่ง (Prompt) ที่ไม่ดี ใช้ AI เป็นผู้ช่วย แต่ตัดสินใจด้วยตัวเอง

3 กับดัก AI ทำเงินหายไม่รู้ตัว

AI ลงทุนช่วยได้จริงหรือ? สรุป 3 สิ่งที่ต้องระวังก่อนให้ ChatGPT, Gemini หรือ Copilot จัดพอร์ตให้คุณ รวมถึงข้อผิดพลาดเรื่องอารมณ์ตลาด, ข้อมูลไม่ตรง, และการป้อนคำสั่ง (Prompt) ที่ไม่ดี ใช้ AI เป็นผู้ช่วย แต่ตัดสินใจด้วยตัวเอง

กดฟัง
หยุด
  • AI อย่าง ChatGPT หรือ Google Finance ช่วยหาข้อมูลลงทุนได้จริง แต่เวลาเอามาตัดสินใจต้องระวัง เพราะมันไม่เข้าใจอารมณ์ตลาด เช่น ความกลัว หรือ ความโลภ ของนักลงทุนเหมือนคนเรา และบางครั้งข้อมูลก็อาจไม่อัปเดตทันเหตุการณ์
  • ถ้าให้ AI ช่วยจัดพอร์ต แต่หากเราไม่เล่าให้ครบทุกเรื่อง (เช่น เงินนี้เป็นเงินเก็บทั้งชีวิต หรือเงินกู้มา) ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ตรงกับความจริงของเรา ทำให้ลงทุนพลาดได้
  • K WEALTH แนะนำให้ใช้ AI เป็น “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “ผู้ตัดสินใจแทน” ตรวจสอบกับข่าวจริง ๆ และลองลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วยการ DCA หรือลงทุนแบบมีเป้าหมายผ่านฟีเจอร์ Goal Based Portfolio บน K PLUS จะช่วยให้เข้าใจตลาดและลดความเสี่ยงได้มากกว่า การเชื่อ AI เพียงอย่างเดียว

ทุกวันนี้ Artificial Intelligence (AI) เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Gemini, Copilot หรือแม้แต่เครื่องมือการเงินอย่าง Google Finance ก็สามารถช่วยหาข้อมูลหุ้น กองทุน จนสามารถลองจัดพอร์ตการลงทุนให้เราได้ ไม่ต่างอะไรกับการมี “ผู้ช่วยส่วนตัว” อยู่ข้าง ๆ


แต่คำถามคือ… เราจะเชื่อ AI ได้ขนาดไหนเวลาลงทุนจริง ๆ?


3 สิ่งที่ต้องระวังเวลาให้ AI ช่วยตัดสินใจลงทุน

  1. AI ไม่เข้าใจ “อารมณ์ตลาด” เหมือนมนุษย์

    AI อาจเก่งเรื่องการหาข้อมูล รวบรวมตัวเลข หรือสรุปทฤษฎี แต่ โลกของการลงทุนไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขเพียงอย่างเดียว ยังมีอารมณ์ ความเชื่อมั่น และความกลัวของนักลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย


    ตัวอย่างง่ายๆ: ย้อนกลับไปช่วงเดือนมีนาคม 2023 ตอนที่ธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) ในอเมริกาล้ม ราคาหุ้นร่วงกว่า 60% ในวันเดียว และไม่นานก็ถูกปิดกิจการ นักลงทุนจำนวนมากสูญเสียเงินเกือบทั้งหมด


    ตอนนั้นนักวิเคราะห์หลายเจ้าบอกว่า “กลุ่มธนาคารใหญ่ยังมีพื้นฐานดี เหตุการณ์นี้เป็นแค่ปัญหาเฉพาะตัวของธนาคารบางแห่ง” ถ้าจังหวะนั้นคุณถาม AI ว่ากลุ่มธนาคารยังดีอยู่ไหม มันก็อาจตอบคล้ายๆ กันตามข้อมูลเหล่านั้น แต่ในความจริง ช่วงเวลานั้นตลาดเต็มไปด้วย “ความกลัว” นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มธนาคารทิ้งทันที


    อธิบายด้วยกราฟดัชนีหุ้นแบงก์ระดับภูมิภาคของสหรัฐฯ อย่าง S&P 500 Regional Banks สมมติคุณเป็นนักลงทุนที่เริ่มลงทุนกลุ่มแบงก์สหรัฐฯ ตอนกลางปี 2021 หรือ พ.ศ. 2564 (ลูกศรสีดำ) ที่โลกเริ่มฟื้นจากโควิด 19 แล้วตั้งใจว่าจะถือยาวเพราะเชื่อว่าพื้นฐานดีลงทุนยาวได้ พอถึงเหตุการณ์แบงก์ล้มในปี 2023 หรือ พ.ศ. 2566 ดัชนีร่วงแรง (ลูกศรสีแดง) แต่หากเราเลือกเชื่อคำแนะนำจาก AI ด้านบนแล้วอดทนถือต่อ จะเห็นว่าผ่านมา 2 ปีราคายังไม่กลับไปที่เดิมที่เคยเข้าซื้อเลย เรียกว่าเงินจม เสียโอกาสลงทุนฟรีๆ ไป 2 ปีเพราะเชื่อ AI

    ที่มา: Google


  2. ข้อมูลจาก AI อาจไม่อัปเดตเสมอไป

    AI เก่งเรื่องการ “สรุปข้อมูล” แต่บางทีข้อมูลที่ได้อาจ ล้าสมัย (Outdated) ไม่ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบัน


    ตัวอย่าง: ถ้าถาม ChatGPT ว่า “เศรษฐกิจจีนปี 2025 เป็นอย่างไร” ดูภาพซ้ายที่เป็นจุดแข็ง จะเห็นว่าข้อมูลที่ไปรวบรวมมา อัปเดตล่าสุดถึงเดือน ก.ค. 2025 ซึ่งยังเป็นช่วงที่ส่งออกฟื้นตัว แต่หากไปดูข้อมูลตัวเลขส่งออกล่าสุดของเดือน ส.ค. (ภาพขวา) จะเห็นว่าเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวทั้งการส่งออกและนำเข้า และยอดส่งออกโตต่ำสุดในรอบ 6 เดือน

    ที่มา: ChatGPT และ Bloomberg


  3. ถาม (Prompt) ไม่ดี... คำตอบที่ได้ก็ไม่ดี

    AI ไม่รู้ใจเราไปทั้งหมด มันทำงานตามคำสั่งที่เราป้อน ถ้าเราไม่ได้อธิบายละเอียดพอ ก็อาจได้พอร์ตการลงทุนที่ ไม่เหมาะกับตัวเรา


    ตัวอย่าง: ถ้าเราบอก AI ว่า “ช่วยจัดพอร์ตให้หน่อย” AI ก็จะถามข้อมูลเพิ่ม เช่น เงินลงทุน เป้าหมาย ระดับความเสี่ยง สัดส่วนการลงทุน แล้วก็จัดพอร์ตมาตามที่เราให้ข้อมูลเพิ่มไป แต่ก็จะเห็นว่า AI จัดพอร์ตให้เลยโดยที่ไม่ถามเพิ่ม ในความเป็นจริงอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ ที่เราอาจจะมองข้ามไป และจะรู้ได้ผ่านการสนทนาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น เช่น เราบอกว่ามีเงินลงทุน 1 ล้าน ต้องการจัดพอร์ตเพื่อสร้างกระแสเงินสด AI ก็จะจัดพอร์ตให้โดยที่ไม่ถามเพิ่มว่าเงิน 1 ล้านนี้มาจากไหน บางทีอาจจะเป็นเงินที่กู้ธนาคารมาลงทุน ถ้าเป็นกรณีนี้จะเห็นว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่าเงินต้น และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืนธนาคาร แต่ AI ไม่รู้ เพราะฉะนั้นพอร์ตที่จัดมาให้อาจยังไม่พอให้จ่ายดอกเบี้ยก็เป็นได้


คำแนะนำง่าย ๆ สำหรับนักลงทุน

  1. อย่าเชื่อ AI เพียงอย่างเดียว

    ใช้ AI เป็นแค่ “ผู้ช่วย” และควรเช็กข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ ที่น่าเชื่อถือเพิ่ม เช่น จากข่าวเศรษฐกิจ หรือบทวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันต่างๆ ก่อนจะตัดสินใจลงทุน เพราะขนาด AI อย่าง ChatGPT ยังมีเขียนบอกด้านล่างเลยว่า “ChatGPT can make mistakes. Check important info” ดังนั้นถ้าคิดจะเชื่อ AI แล้ว ก็อย่าลืมเชื่อคำเตือน AI ด้วย


  2. ลงทุนจริง ๆ คือครูที่ดีที่สุด

    ต่อให้ได้ข้อมูลมากแค่ไหน ประสบการณ์การลงทุนของตัวเองจะทำให้เราเข้าใจตลาดมากที่สุด เหมือนการหัดขี่จักรยาน ที่ต้องลงมือปั่นเองจริงถึงจะปั่นเป็น โดยอาจจะเริ่มจากการค่อยๆ ทยอยลงทุนแบบ DCA ด้วยการตัดจากเงินเดือนบน K PLUS ไปลงทุนทุกๆเดือนตามคำแนะนำของ AI เพื่อดูว่า AI แนะนำถูกต้องหรือไม่ ลองดูผลสัก 6 เดือนก็ได้ ถ้าถูก เราก็จะเริ่มรู้สึกว่ามาถูกทางและเข้าใจตลาดมากขึ้น แต่ถ้าผิด เราก็จะพอเห็นภาพว่าที่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ AI แนะนำ มีสาเหตุมาจากอะไร จะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำ จะเห็นว่าไม่ว่าถูกทางหรือผิดทาง เราก็จะเชี่ยวชาญกับสิ่งนั้นมากขึ้น https://www.kasikornbank.com/th/promotion/pages/mutual-fund-dca-kpoint.aspx


  3. ตัวช่วยลงทุน ไม่ได้มีแค่ AI อย่างเดียว

    ถ้าใช้ AI แล้วรู้สึกว่าเป็นผู้ช่วยที่มีประโยชน์ คันไม้คันมืออยากลงทุนอย่างมีเป้าหมาย อีกหนึ่งผู้ช่วยง่ายๆ คือฟีเจอร์ Goal-Based Portfolio บน K PLUS ที่ช่วยจัดพอร์ตตามเป้าหมายชีวิตของเรา เช่น เก็บเงินเกษียณ หรือเก็บเงินเที่ยวต่างประเทศ ทำให้เรื่องการลงทุนตามเป้าหมายไม่ซับซ้อน และเหมาะกับความเสี่ยงที่เรารับได้ รู้อย่างงี้แล้วอย่ารอช้า ไปเริ่มลงทุนกันเลย ที่ K PLUS https://www.kasikornbank.com/th/kplus/instruction/portfolio


สรุป: ใช้ AI เป็น "เข็มทิศ" ไม่ใช่ "คนขับรถ"

AI เข้ามาเป็นตัวช่วยให้เราหาข้อมูลและวิเคราะห์การลงทุนได้ง่ายขึ้นแบบสุด ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีมาก ๆ แต่สิ่งที่เราต้องจำให้ขึ้นใจเลยคือ AI ไม่ใช่เซียน หรือ "เทวดา" ที่จะบอกเราได้ทุกอย่าง มันเป็นแค่โปรแกรมที่ทำงานตามข้อมูลและคำสั่งที่เราป้อนเข้าไปเท่านั้น


ดังนั้น วิธีใช้ AI ที่ฉลาดที่สุดคือการขีดเส้นให้มันเป็นแค่ "ผู้ช่วย" ที่ช่วยคัดกรองข้อมูลสำคัญ หรือทำให้เราเห็นภาพรวมได้เร็วขึ้น แต่ "การตัดสินใจครั้งสุดท้าย" และการทำความเข้าใจว่าตลาดกำลังมี "อารมณ์" แบบไหน ยังคงเป็นหน้าที่ของเราในฐานะนักลงทุน การที่เราใช้ความสามารถในการประมวลผลของ AI มาบวกกับไหวพริบและประสบการณ์ของเราเองนี่แหละ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราจัดพอร์ตได้ตรงจุด และ สร้างความมั่งคั่งได้ในระยะยาว


ขอขอบคุณข้อมูลจาก: Google Gemini/Google,Bloomberg,ChatGPT



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTHจิรพัฒน์ จิรนิรันดร์กุล CFA

Back to top