ประกันชีวิตออมสั้น คืนไว 11/3 ตัวช่วยลดหย่อนภาษีและมีเงินก้อนไว้ใช้ในอนาคต

ลดหย่อนภาษีง่ายๆ แถมได้ออมเงิน

ประกันชีวิตออมสั้น คืนไว 11/3 ตัวช่วยลดหย่อนภาษีและมีเงินก้อนไว้ใช้ในอนาคต

กดฟัง
หยุด
  • มนุษย์เงินเดือนและฟรีแลนซ์ควรวางแผนภาษีให้ทันก่อนสิ้นปี โดยมีทางเลือกในการวางแผนภาษีทั้งกองทุน RMF กองทุน Thai ESG ประกันบำนาญ ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
  • แนะนำประกันชีวิตออมสั้น คืนไว 11/3 สำหรับคนที่เน้นออมเงินเป็นหลักเพราะจ่ายเบี้ยสั้น มีเงินคืนทุกปี และมีเงินก้อนที่แน่นอนไว้ใช้ในอนาคต

เมื่อถึงช่วงปลายปี สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนและฟรีแลนซ์มักจะคิดถึงไม่ใช่แค่เรื่องโบนัสหรือการปิดโปรเจกต์เท่านั้น แต่ยังมีเรื่อง “ภาษี” ที่ต้องวางแผนลดหย่อนภายในสิ้นปีและเตรียมยื่นภาษีในต้นปีถัดไป ซึ่งการวางแผนภาษีไม่ใช่แค่ใช้สิทธิลดหย่อนเพื่อลดภาระภาษีให้น้อยที่สุด แต่ยังเป็นการวางแผนการเงินระยะยาวที่ช่วยให้เราเก็บออมเงินและสร้างความมั่นคงในชีวิตได้


เหตุผลที่มนุษย์เงินเดือนและฟรีแลนซ์ต้องวางแผนภาษี

  1. ช่วยลดภาระภาษี

    สำหรับมนุษย์เงินเดือนและฟรีแลนซ์ที่มีรายได้สูง ฐานภาษีสูง การวางแผนภาษีจะช่วยลดภาระภาษีก้อนโตในแต่ละปีลงได้อย่างมาก


  2. เปลี่ยนเงินภาษีเป็นเงินออม

    การวางแผนภาษีสามารถเปลี่ยนเงินภาษีที่ต้องจ่ายในแต่ละปีเป็นเงินออมหรือเงินลงทุนได้ เช่น การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างกองทุน RMF ทำให้มีเงินออมไว้ใช้ตอนเกษียณ หรือการซื้อประกันออมทรัพย์ นอกจากจะได้ลดหย่อนภาษี มีความคุ้มครองแล้ว ยังมีเงินก้อนไว้ใช้ในอนาคต


  3. วางแผนอนาคตทางการเงินไปพร้อมกัน

    การวางแผนภาษีที่เหมาะสมจะพาเราไปสู่เป้าหมายทางการเงินในอนาคตที่ตั้งใจไว้ได้ เช่น มีเงินก้อนไว้ใช้ยามเกษียณ มีมรดกไว้ให้คนข้างหลัง


5 ขั้นตอนการวางแผนภาษีที่ต้องทำก่อนสิ้นปี

  1. วิเคราะห์สถานะภาษีปัจจุบัน

    เริ่มจากการเช็กก่อนว่าปีนี้เรามีรายได้ทั้งปีอยู่ที่เท่าไร มีค่าลดหย่อนอะไรบ้าง เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หักแล้วเหลือเงินได้สุทธิเท่าไร ถูกหักภาษีไปแล้วเท่าไร ต้องออมหรือลงทุนเพิ่มอีกเท่าไรเพื่อช่วยลดภาระภาษีให้น้อยลง


  2. ประเมินความต้องการ

    ประเมินความต้องการของตัวเองว่าเป้าหมายหลักในตอนนี้คืออะไร ระหว่างการสะสมความมั่งคั่ง สร้างการเติบโตของเงินทุนเพื่อเป้าหมายในอนาคต เช่น การลงทุนให้เงินงอกเงย การเก็บเงินเพื่อเกษียณ หรือการสร้างความคุ้มครอง เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ดูแลครอบครัวหากเราจากไปก่อนวัยอันควร การเข้าใจลำดับความสำคัญของตัวเองจะนำไปสู่การเลือกเครื่องมือที่ตอบโจทย์ที่สุด


  3. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

    ในการเลือกผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษีไม่ควรเลือกเพราะลดหย่อนได้เพียงอย่างเดียว แต่ควรเลือกให้สอดคล้องกับเป้าหมายของเราด้วย เช่น

    • ถ้าอยากเกษียณอย่างมั่นคง ควรเลือกลงทุนกองทุน RMF หรือ ประกันบำนาญ
    • ถ้าอยากอุ่นใจเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา ควรเลือกประกันสุขภาพ
    • ถ้าไม่อยากให้คนข้างหลังลำบาก ควรเลือกประกันชีวิต

  4. จัดสรรเงิน

    กำหนดงบประมาณในการออมและลงทุนโดยไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวัน และจัดสรรเงินว่าควรลงทุนในผลิตภัณฑ์ใดเท่าไร


  5. เช็กโปรโมชั่นและดำเนินการก่อนสิ้นปี

    ตรวจสอบโปรโมชันพิเศษในช่วงปลายปีก่อนตัดสินใจและดำเนินการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ หรือให้ทันก่อนสิ้นปี เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสสำคัญในการลดหย่อนภาษีปีนี้ไป


ทางเลือกวางแผนภาษี

    กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

    กองทุนรวมที่สนับสนุนการออมเงินระยะยาวไว้ใช้ยามเกษียณ โดยสามารถลงทุนได้สูงสุด 30% ของรายได้ทั้งปีที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท และเมื่อรวมกับกลุ่มการออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันบำนาญ) แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท


    เงื่อนไขคือ ผู้ลงทุนต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี อย่างน้อยปีละครั้ง หรือเว้นได้ไม่เกิน 1 ปี และต้องถือหน่วยลงทุนจนถึงอายุ 55 ปี และลงทุนมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี จึงจะขายคืนหน่วยลงทุนได้


    กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG)

    กองทุนรวมที่เน้นการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลักการ ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทย โดยสามารถลงทุนได้สูงสุด 30% ของรายได้ทั้งปีที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งสิทธิการลงทุนกองทุน Thai ESG ไม่รวมกับกลุ่มการออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ


    เงื่อนไขคือ ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี เมื่อลงทุนแล้วต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ จึงจะขายคืนหน่วยลงทุนได้


    ประกันบำนาญ

    ประกันบำนาญเป็นประกันชีวิตรูปแบบหนึ่งที่ช่วยสร้างกระแสเงินสดที่แน่นอนในวัยเกษียณเนื่องจากเมื่อถึงอายุเกษียณตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินคืนเป็นรายงวดตามที่กำหนดไว้ โดยสามารถนำค่าเบี้ยที่จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งปีที่ต้องเสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท


    ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ

    สำหรับประกันชีวิตและประกันสุขภาพเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการวางแผนภาษี โดยสามารถนำค่าเบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท ส่วนค่าเบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท


    สำหรับคนที่ต้องการออมเงินเป็นหลักเพื่อให้มีเงินก้อนที่แน่นอนไว้ใช้ในอนาคต แนะนำใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันชีวิตแสนแรกด้วย “ประกันชีวิตออมสั้น คืนไว 11/3” ซึ่งเป็นแบบประกันที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การออมระยะสั้นควบคู่ไปกับการลดหย่อนภาษีได้อย่างลงตัว


    จุดเด่นของประกันชีวิตออมสั้น คืนไว 11/3
    • จ่ายเบี้ยสั้น ออมสบาย จ่ายเบี้ยสั้นแค่ 3 ปี คุ้มครองยาว 11 ปี หมดกังวลว่าจะมีภาระผูกพันในการจ่ายเบี้ยประกันนาน
    • การันตีเงินคืนทุกปี มีเงินคืนปีละ 3% ของทุนประกันเริ่มต้น ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-10 ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอต่อเนื่องทุกปี
    • รับเงินก้อนเมื่อครบสัญญา เมื่อครบกำหนดสัญญา ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 11 จะได้รับเงินก้อนสูงถึง 309% ของทุนประกันเริ่มต้น หรือ 101% ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยได้ชำระไว้แล้ว ตามแต่จำนวนใดจะมากกว่า
    • ไม่ต้องตรวจสุขภาพและตอบคำถามสุขภาพ หมดกังวลว่าจะทำประกันใม่ผ่าน
    • สมัครออนไลน์ง่าย ผ่าน K PLUS สามารถทำรายการด้วยตัวเองได้

    การวางแผนภาษีไม่ใช่ภาระ แต่เป็นโอกาสในการจัดระเบียบการเงินและเตรียมพร้อมสำหรับความมั่นคงในอนาคต ยิ่งเริ่มต้นเร็ว ยิ่งวางกลยุทธ์ได้ดีกว่า หากรอจนถึงสิ้นปีแล้วค่อยซื้อ โดยไม่มีเวลาพิจารณาให้รอบคอบ อาจเสียทั้งเงินและโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เมืองไทยประกันชีวิต



คำเตือน

ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง ทั้งนี้หลักเกณฑ์ในการลดหย่อนภาษี เป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรที่ได้กำหนดไว้

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top