ไม่ใช่แค่ “ไข้หวัด” เพราะอาจทำการเงินติดขัดได้

เมื่อเปลี่ยนฤดูกาลจากปลายฝนสู่ต้นหนาว อากาศเริ่มเย็นลง ระวังไข้หวัดใหญ่มาเยือน หลายคนอาจคิดว่าแค่ไข้เล็กๆ น้อยๆ แต่รู้หรือไม่ว่าบางรายอาจต้องนอนโรงพยาบาลนานหลายสัปดาห์ และค่ารักษาสูงถึงหลายแสนบาท หากร่างกายต้านทานต่ำหรือมีโรคประจำตัวอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ มาทำความรู้จักกับโรคไข้หวัดใหญ่ และวิธีการวางแผนการเงินเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ไข้หวัดใหญ่ไม่เหมือนกัน แต่ละสายพันธุ์มีความรุนแรงต่างกัน

ไข้หวัดใหญ่มีหลายสายพันธุ์ และแต่ละสายพันธุ์มีความรุนแรงที่แตกต่างกันไป ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายในการรักษา เริ่มตั้งแต่อาการเล็กน้อยที่สามารถรักษาที่บ้านได้ ไปจนถึงอาการหนักที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (Influenza A) เป็นสายพันธุ์ที่พบบ่อยและมักก่อให้เกิดการระบาดใหญ่ โดยเฉพาะสายพันธุ์ย่อยอย่าง H1N1 และ H3N2 ที่มีความรุนแรงสูง ผู้ป่วยมักมีไข้สูงกะทันหัน ปวดกล้ามเนื้อรุนแรง เหนื่อยหอบ และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเป็นปอดอักเสบได้ หากเป็นอาการเล็กน้อยและรักษาที่คลินิก ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ที่ 1,000-3,000 บาท แต่หากมีอาการหนักต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 3-5 วัน ค่ารักษาอาจสูงถึง 50,000-150,000 บาท ส่วนกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนต้องเข้า ICU ใช้เครื่องช่วยหายใจ ค่าใช้จ่ายอาจพุ่งสูงถึง 300,000-500,000 บาท

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B (Influenza B) มักมีอาการไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ A แต่ก็ยังสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ อาการที่พบบ่อยคือ มีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว และอาจมีอาการทางเดินอาหารร่วมด้วย ค่ารักษาที่คลินิกอยู่ที่ 800-2,500 บาท หากต้องนอนโรงพยาบาล 2-4 วัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000-100,000 บาท และในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อซ้ำซ้อน ค่ารักษาอาจเพิ่มขึ้นเป็น 200,000-400,000 บาท

ไข้หวัดสายพันธุ์ C (Influenza C) มักก่อให้เกิดอาการเล็กน้อยคล้ายไข้หวัดทั่วไป น้ำมูกไหล เจ็บคอเล็กน้อย ส่วนใหญ่หายเองได้ภายใน 3-5 วัน ค่ารักษาที่คลินิกอยู่ที่ 500-1,500 บาท และมักไม่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

กรณีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เมื่อไข้หวัดใหญ่ลุกลามจนเกิดปอดอักเสบเฉียบพลัน หรือระบบทางเดินหายใจล้มเหลว ผู้ป่วยอาจต้องนอนโรงพยาบาลนาน 2-4 สัปดาห์ โดยค่าใช้จ่ายต่อวันในห้อง ICU อยู่ที่ประมาณ 20,000-40,000 บาท ค่ารักษารวมทั้งหมดอาจสูงถึง 500,000-800,000 บาท หรือในบางกรณีที่รุนแรงมากค่ารักษาอาจเกินล้านบาท

เคสจริงที่เกิดขึ้นในเมืองไทย สะท้อนความจำเป็นของการเตรียมพร้อม

ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงในเมืองไทย เคยมีเคสของบุคคลที่เป็นที่รู้จักในวงการบันเทิงซึ่งติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และมีภาวะแทรกซ้อนเป็นปอดอักเสบ ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ โดยต้องเข้าห้อง ICU เพื่อเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด ค่ารักษาพยาบาลรวมกว่า 450,000 บาท เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยสำหรับคนทำงานทั่วไปที่อาจต้องใช้เงินเก็บหลายปีเพื่อรับมือกับสถานการณ์แบบนี้

นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งที่ระบุว่า ผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากไข้หวัดใหญ่ เช่น ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือมีการติดเชื้อซ้ำซ้อนในกระแสเลือด อาจมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงถึง 600,000-1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะเวลาในการพักฟื้น สิ่งเหล่านี้เตือนใจเราว่า แม้แต่โรคที่ดูเหมือนธรรมดาก็อาจสร้างภาระทางการเงินได้อย่างมาก

วางแผนรับมือด้วยประกันสุขภาพ เพื่อความอุ่นใจในทุกสถานการณ์

เมื่อเราไม่สามารถควบคุมได้ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่หรือไม่ จะติดเชื้อสายพันธุ์ไหน หรือจะมีอาการหนักแค่ไหน สิ่งที่ทำได้คือ การเตรียมตัวให้พร้อม ประกันสุขภาพจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และทำให้เราสามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุดได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน

D Health Plus เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการความคุ้มครองครอบคลุมในระดับที่ดี ด้วยวงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่ายสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อครั้ง เมื่อต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจะได้รับความคุ้มครองในห้องเดี่ยวมาตรฐาน ซึ่งช่วยให้มีพื้นที่ส่วนตัวในการพักฟื้น ไม่ว่าจะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใดที่ต้องเข้ารับการรักษา ประกันนี้จะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายได้อย่างครอบคลุม เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่าย

จุดเด่นของ D Health Plus

• คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่ายสูงสุด 5 ล้านบาทต่อครั้ง
• ความคุ้มครองค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน เหมาจ่ายตามจริง
• เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองพื้นฐานที่ครอบคลุม
• รองรับกรณีติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ต้องนอนโรงพยาบาล

สำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองในระดับที่สูงขึ้น Elite Health Plus ตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยวงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 20-100 ล้านบาท เมื่อต้องนอนโรงพยาบาลจะได้ความคุ้มครองค่าห้องตามจริงที่ 10,000-25,000 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก แม้จะต้องเข้า ICU หรือมีภาวะแทรกซ้อนที่ต้องรักษานานหลายสัปดาห์ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูง นอกจากนี้ ยังคุ้มครองค่าล้างไตแบบเหมาจ่ายตามจริง รวมถึงการรักษามะเร็งด้วยเทคโนโลยีทันสมัยอย่าง Targeted Therapy และยังมีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) อีกด้วย ทำให้ไม่ต้องกังวลแม้แต่การตรวจรักษาทั่วไป

จุดเด่นของ Elite Health Plus

• วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 20-100 ล้านบาท
• ค่าห้องเดี่ยวมาตรฐานหรือห้องเดี่ยวพิเศษ 10,000-25,000 บาทต่อวัน ตามแผนที่เลือก
• คุ้มครองค่าล้างไตและการรักษามะเร็งแบบ Targeted Therapy เหมาจ่ายตามจริง
• คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอก (OPD) ตามแผนที่เลือก
• เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองระดับพรีเมียม
• รองรับกรณีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่ค่ารักษาสูง

รองรับสิ่งไม่คาดฝัน ด้วยการวางแผนที่ดี

ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน สิ่งที่เราคิดว่าห่างไกลอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โรคไข้หวัดใหญ่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า แม้แต่โรคที่พบได้บ่อยก็อาจสร้างความเสียหายทั้งด้านสุขภาพและการเงินได้ การมีประกันสุขภาพที่เหมาะสมจึงไม่ใช่แค่การป้องกันความเสี่ยง แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตและความมั่นคงของครอบครัว

K WEALTH เชื่อว่าการวางแผนการเงินที่ดีคือการเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ ด้วยประกันสุขภาพที่เหมาะสมเพื่อความมั่นใจว่าเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน คุณและครอบครัวจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

เริ่มต้นวางแผนวันนี้ เพราะความมั่นคงทางการเงินคือสิ่งที่คุณควบคุมได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เมืองไทยประกันชีวิต , heygoody, MThai