-
ในเดือนก.ย. Bond Yield ทั้งไทยและสหรัฐฯ เร่งตัวในช่วงปลายเดือน ส่งผลให้กองทุนตราสารหนี้ K-FIXED-A และ K-FIXEDPLUS ทำผลตอบแทนติดลบเล็กน้อย เป็นครั้งแรกของปีนี้
-
K WEALTH มองว่าความผันผวนในตลาดตราสารหนี้เป็นเพียงระยะสั้น แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงทำให้ระยะข้างหน้า Bond Yield มีแนวโน้มปรับลดลง และตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปค่อนเร็วและแรงโดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน การลงทุนในตราสารหนี้จึงยังเป็นเครื่องมือลดความผันผวนของพอร์ตที่ดี
-
ดังนั้น เรายังคงแนะนำลงทุนในกองทุนตราสารหนี้อย่าง K-SF-A, K-SFPLUS-A , K-FIXED-A และ K-FIXEDPLUS-A ตามระยะเวลา (Duration) ของกองทุน
Bond Yield สหรัฐฯ เร่งตัวในเดือนก.ย.หลังประชุม Fed
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (US Bond Yield) ปรับตัวลดลงในช่วงก่อนถึงการประชุม Fed ในวันที่ 17 ก.ย.จากความความคาดหวังว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ อย่างไรก็ตามหลัง Fed ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด Bond Yield มีการกลับขาเร่งตัวขึ้น พร้อมๆ กับตัวเลขเศรษฐกิจ ที่รายงานออกมาดูดีกว่าคาด เช่น Final GDP ไตรมาส 2/2025 ของสหรัฐฯ ออกมา 3.8% สูงกว่าคาดและสูงกว่าตัวเลขประมาณการในครั้งที่ 1 และ 2 ที่ระดับ 3.0% และ 3.3% ตามลำดับ ขณะที่จำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ปรับลดลง ทำให้ตลาดเกิดความไม่มั่นใจว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต.ค. หรือไม่
- จากสถิติย้อนหลังในอดีต Bond Yield สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงเกิด Government Shutdown ซึ่งในวันที่ 30 ก.ย. รัฐบาลสหรัฐฯ เกิดเหตุการณ์ Shutdown ขึ้นจริง ซึ่งทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ จะต้องระงับกิจกรรมที่ไม่จำเป็นทั้งหมดตั้งแต่เที่ยงของวันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญต่างๆ ก็จะถูกระงับไป ทำให้นักลงทุนในตลาดมองว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (US Bond Yield) จะปรับตัวลดลงในระยะข้างหน้า จากผลกระทบของ Government Shutdown ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นวงกว้าง ทำให้ตลาดกลับมาคาดว่ามีโอกาสที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนต.ค.มากขึ้น CME Fed Watch tool คาดโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนต.ค. 94.6% ซึ่งสูงขึ้นจากก่อนเกิด Government Shutdown ที่ 89%
- ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Thai Bond Yield) เริ่มเร่งตัวขึ้นในช่วงกลางเดือนก.ย. เช่นเดียวกับฝั่งสหรัฐฯ โดย Bond Yield ไทย 10 ปี เร่งตัวจาก 1.29% ณ สิ้นเดือนส.ค. มาอยู่ที่ 1.39% ณ สิ้นเดือนก.ย. ขณะที่ Bond Yield ไทย 2 ปี เร่งตัวจาก 1.14% ณ สิ้นเดือนส.ค. แตะระดับสูงสุดที่ 1.18% ก่อนจะกลับมามาปิดที่ 1.14% ณ สิ้นเดือนก.ย.
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (Net Sell) พันธบัตรไทย ส่วนหนึ่งเป็นการขายทำกำไร และผลจากการปรับลดมุมมอง (Outlook) ความน่าเชื่อถือไทยเป็นลบ (Negative) ของสถาบันจัดอันดับเครดิตอย่าง Fitch Ratings
- Fitch หั่นมุมมองความน่าเชื่อถือไทยเป็นลบ (Negative) ซึ่งนับเป็นสถาบันแห่งที่ 2 ที่มีการปรับ Outlook ไทยปีนี้ลง ตามหลัง Moody’s ในเดือนเม.ย. โดยมีเหตุผลสำคัญจากความเสี่ยงระดับหนี้รัฐบาลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ด้านเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตต่ำราว 2% ในปีนี้ ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ นอกจากนี้ความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและความล่าช้าในการกำหนดทิศทางนโยบายส่งผลให้เกิดความกังวลเรื่องเสถียรภาพเชิงนโยบายและการบริหารประเทศ อย่างไรก็ตาม ตลาดรับรู้ปัจจัยลบต่างๆ ที่ได้กล่าวถึงข้างต้นไปแล้วจากการปรับลด Outlook ของ Moody’s ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากให้เหตุผลในทำนองเดียวกัน ดังนั้นคาดว่าผลกระทบจึงมีแนวโน้มอยู่ในระดับที่จำกัด
- เรามองว่าการปรับตัวขึ้นของ Bond Yield เป็นเพียงการปรับฐาน (Correction) โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าช่วงที่เหลือของปี 68 Bond Yield ไทยมีแนวโน้มลดลง ตามทิศทางของดอกเบี้ยนโยบาย โดยคาดว่ากนง.จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้งในปีนี้ตามแนวโน้มของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

กองทุนตราสารหนี้ได้รับผลกระทบระยะสั้นในเดือนก.ย.
จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ที่เร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะในพันธบัตรอายุยาวของไทย ส่งผลให้กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว อย่าง K-FIXED-A และ K-FIXEDPLUS-A ทำผลตอบแทนติดลบเป็นเดือนแรกของปี โดย K-FIXED-A -0.22% และ K-FIXEDPLUS-A -0.11% สำหรับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นยังคงมีผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่องตลอดทั้งปี K-SF-A +0.13% และ K-SFPLUS-A +0.12% ในเดือนก.ย.
สำหรับผลตอบแทนนับจากต้นปี (YTD) ยังถือว่าทำผลตอบแทนได้โดดเด่น โดยมีผลตอบแทนดังนี้
- K-SF-A +1.44%
- K-SFPLUS-A +1.69%
- K-FIXED-A +3.95%
- K-FIXEDPLUS +4.16%
แม้ในระยะสั้นนักลงทุนที่ถือกองทุนตราสารหนี้อาจเผชิญความผันผวนบ้าง เรามองเป็นโอกาสให้เข้าลงทุนเพิ่ม จากการที่ Bond Yield ทั้งในไทยต่างประเทศจะปรับตัวลดลงในระยะข้างหน้า สำหรับนักลงทุนที่ถือครองกองทุนตราสารหนี้อยู่ไม่ต้องตกใจ ให้เวลาสักหน่อยจะช่วยก้าวผ่านความผันผวนนี้ไปได้
แนะนำให้นักลงทุนถือกองทุนตราสารหนี้ในระยะเวลาที่สอดคล้องกับ Duration ของกองทุนขึ้นไป เช่น
- K-SF-A: ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งในและต่างประเทศ สภาพคล่องสูง แนะนำลงทุน 3 เดือนขึ้นไป
- K-SFPLUS-A: ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งในและต่างประเทศ สภาพคล่องสูง แนะนำลงทุน 6 เดือนขึ้นไป
- K-FIXED-A: ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาวในประเทศเท่านั้น แนะนำลงทุน 1 ปีขึ้นไป
- K-FIXEDPLUS-A: ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาวทั้งในและต่างประเทศ แนะนำลงทุน 1 ปีขึ้นไป