“ซานาเอะ ทาเคอิจิ” จ่อขึ้นเป็นนายกฯ ญี่ปุ่นคนแรก มาพร้อมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุน Nikkei พุ่ง-เยนอ่อน จับตาท่าที BOJ เดือนตุลาคม

ประเด็นร้อน : จับตาทิศทางการลงทุน หลังญี่ปุ่นได้ว่าที่นายกคนใหม่

“ซานาเอะ ทาเคอิจิ” จ่อขึ้นเป็นนายกฯ ญี่ปุ่นคนแรก มาพร้อมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุน Nikkei พุ่ง-เยนอ่อน จับตาท่าที BOJ เดือนตุลาคม

กดฟัง
หยุด
  • ซานาเอะ ทาเคอิจิ มีแนวโน้มขึ้นเป็นนายกฯ หญิงคนแรกของญี่ปุ่น มาพร้อมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการเงินผ่อนคลาย หนุนคาดการณ์ว่า BOJ อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินเยนอ่อนแตะใกล้ ¥150/USD และดัชนี Nikkei พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่
  • ติดตามทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการเงินของรัฐบาลใหม่ รวมถึงการประชุม BOJ เดือนตุลาคม เพราะอาจส่งผลต่อค่าเงินเยนและตลาดหุ้นญี่ปุ่นในระยะสั้น

Market Update

  • คุณซานาเอะ ทาเคอิจิ มีแนวโน้มจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น หลังชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคแอลดีพีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
  • นโยบายหลักของเธอคือการใช้นโยบายการคลังเชิงขยาย (Expansionary Fiscal Policy) และสนับสนุนการเงินแบบผ่อนคลาย (Loose Monetary Policy)
  • ความคาดหวังดังกล่าวส่งผลให้ตลาดมองว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจ ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมเดือนตุลาคมนี้

Related Indices & Funds
  • ค่าเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่องแตะระดับใกล้ ¥150/USD
  • ดัชนี Nikkei 225 ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ จากแรงหนุนคาดการณ์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเช้านี้บวกกว่า 4%

(ข้อมูลวันที่ 6 ตุลาคม 2025)


Market Outlook

  • นโยบายของทาเคอิจิมีแนวโน้มส่งผลให้ BOJ ยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปในระยะสั้น เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • หากรัฐบาลใหม่เดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐขนาดใหญ่ อาจช่วยเพิ่ม GDP ของญี่ปุ่นได้ แต่ต้องจับตาผลข้างเคียงต่อเงินเฟ้อและค่าเงินเยน
  • นักลงทุนยังคาดว่า BOJ อาจต้องปรับท่าทีในระยะถัดไป หากแรงกดดันจากตลาดเงินและนโยบายการคลังเริ่มสะสม

ปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด

  • การลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ตุลาคม
  • แถลงการณ์แรกของรัฐบาลใหม่ต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการคลัง
  • การประชุม ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เดือนตุลาคม ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยหรือส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลง
  • ความเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนต่อดอลลาร์สหรัฐ และท่าทีของนักลงทุนต่างชาติ

คำแนะนำการลงทุน

  • สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนหุ้นญี่ปุ่น
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% แนะนำขายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และนำเงินไปพักไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% แนะนำถือต่อ รอจังหวะลงทุน
  • สำหรับนักลงทุนทั่วไป และผู้ที่ไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นญี่ปุ่น
    • สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะในกองทุนหุ้นญี่ปุ่น แนะนำชะลอการลงทุน ติดตามความคืบหน้าทางการเมืองและท่าทีการดำเนินโยบายการเงินของ BOJ
    • เงินลงทุนระยะยาว เน้นถือการลงทุนแบบ Core Port อย่างกองทุนผสม K-WEALTHPLUS เช่น K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ฯลฯ ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งได้ทยอยลดความเสี่ยงไปบ้างแล้ว
    • แนะนำเพิ่มการลงทุนใน K-FIXEDPLUS เนื่องจากตราสารหนี้ได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอน รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยยังลงต่อ
    • สำหรับการพักเงินเพื่อรอประเมินสถานการณ์ก่อนกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำพักเงินใน K-SFPLUS

หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-JPX-A, K-JP-A ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
    • K-JPX-A, K-JP-A: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-JPX-A: T+3
    • K-JP-A: T+4
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6



คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”, “ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTH

Back to top